วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

พระอาจารย์ปารมี วัดพระธาตุผาแก้ว(ผาซ่อนแก้ว) เขาค้อ เพชรบูรณ์

วันที่ 13 มิถุนายน 2553 

กลุ่มประสานงาน ฯ เดินทางไปกราบนมัสการ 
พระอาจารย์ปารมี สุรยุทฺโธ 
วัดพระธาตุผาแก้ว(ผาซ่อนแก้ว)




พระอาจารย์ปารมี สุรยุทฺโธ

เจ้าอาวาสวัดพุทธธรรมผาซ่อนแก้ว 


นามเดิม  ยงยุทธ อิ่มแก้ว

เกิด    ๑ มีนาคม ๒๕๐๐

บรรพชา       เมื่อ วันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๙ ณ วัดยายร่ม ต.บางมด อ.บางขุนเทียน กรุงเทพฯ โดยมีสมเด็จพระธีรญาณมุนี เขมจารี วัดปทุมคงคาวรวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์

การศึกษา       
นักธรรมเอก วัดทองวิปัสสนา จ.นครสวรรค์
นักธรรมโท วัดไร่ขิง จ.นครปฐม
นักธรรมตรี วัดราชโอรส กรุงเทพฯ
ปัจจุบัน         จำพรรษาอยู่ที่ พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์

พระอาจารย์ปารมี สุรยุทฺโธ เป็นผู้มีอัธยาศัยดี จิตใจอ่อนโยน มีเมตตา จึงเป็นที่รักของบุคคลทั่วไป ท่านเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่ออายุได้ ๑๓ ปี ท่านเริ่มรักษาศีล ๘ ทุกวันพระใหญ่ ท่านไม่มีครอบครัว ไม่เที่ยวเตร่ ไม่เสพสุราเมรัย ขณะเป็นฆราวาส ท่านเพียรสร้างทานบารมี ด้วยเมตตาจิตมาโดยตลอด อีกทั้งท่านยังเป็นกุลบุตร ผู้มีความกตัญญูเป็นเลิศ ด้วยการรับหน้าที่เป็นเกษตรกรในไร่ส้ม ทำสวนเกษตรกว่า ๒๐๐ ไร่ เลี้ยงดูบิดา มารดา และท่านยังทำหน้าที่ของอภิชาติบุตร ด้วยการชักนำบิดามารดาไปฟังธรรม ทำบุญ รักษาศีล ในสถานที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ จนเมื่ออายุย่างเข้า ๒๙ ปี ท่านจึงได้กราบลาบิดามารดาและพระแม่ธรณี ที่ให้ดอกผลเลี้ยงดูบุพการีและตนเองมาโดยตลอด ท่านมุ่งมั่นเตรียมตัวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ด้วยการหมั่นพากเพียร ท่องบทสวดมนต์อย่างไม่ท้อถอย เพราะมีความปรารถนาเป็นที่ตั้ง เพื่อเจริญรอยตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเข้าสู่เพศบรรพชิตในปี พ.ศ. ๒๕๒๙

 ใน วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ พระอาจารย์ปารมี สุรยุทโธ เจ้าอาวาสวัดพุทธธรรมผาซ่อนแก้ว  ได้รับสมณศักดิ์เป็น พระครูสังฆรักษ์



เกียรติประวัติ
พระอาจารย์ปารมี สุรยุทฺโธ เป็นผู้มีความมุ่งมั่นในการทำกิจต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วงมาโดยตลอด ด้วยเป็นผู้มีภาวะผู้นำสูง ท่านจึงริเริ่มนำคณะศิษย์ต่างๆ ร่วมบำเพ็ญกุศล สร้างสาธารณประโยชน์เสมอมา นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พระอาจารย์ปารมี สุรยุทฺโธ ได้สร้างสถานปฎิบัติธรรม โบสถ์ ศาลา และเจดีย์ นับรวมได้กว่า ๒๕ แห่งทั่วประเทศ ทั้งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน จันทบุรี กาญจนบุรี อุบลราชธานี และเพชรบูรณ์ นอกจากนี้ท่านยังสร้างศูนย์การเรียนการสอน ร่วมสร้างโรงทาน มอบข้าวสาร อาหารแห้ง ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม และให้การอุปการะแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน

นอกจากกิจกรรมเพื่อพระพุทธศาสนา และสาธารณประโยชน์ที่ท่านบำเพ็ญในวงกว้างแล้ว พระอาจารย์ปารมี สุรยุทฺโธ ยังเป็นผู้สร้างคุณประโยชน์แก่สภากาชาดไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการบริจาคโลหิตมากกว่า ๑๐๙ ครั้ง จนได้รับประกาศเกียรติคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกา ผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙

พระอาจารย์ปารมี ท่านเน้นการสอนให้ภาวนา ด้วยการมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ ท่านย้ำเสมอให้ศิษย์อดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค มีจิตมั่นคงในพระพุทธศาสนา ไม่หวั่นไหวในการปฎิบัติธรรม อุปมาเปรียบเหมือนดั่งต้นไม้ ที่ค่อยๆ หยั่งรากแก้วชอนไช ลงไปสู่ใต้ดินลึกอย่างมั่นคง ต้นไม้นั้นจึงจะไม่โค่นล้มโดยง่าย หากเมื่อถึงเวลา ที่จะผลิดอกออกผลในวันใด เมื่อไหร่...ก็เมื่อนั้น.


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.phasornkaew.org


ที่มา...ของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)  เดินทางไปกราบนมัสการพระอาจารย์ปารมี  ในครั้งนี้
เนื่องด้วย   เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา  อาจารย์วรวิทย์  ได้มีโอกาสเดินทางไปกราบพระอาจารย์ปารมี  เจ้าอาวาสวัดพุทธธรรมผาซ่อนแก้ว  และได้สนทนาธรรมกับท่าน   ซึ่งท่านได้สอนให้ปล่อยวาง  และรู้เท่าทันความคิด พิจารณาขันธ์ห้าตามความเป็นจริง 

ซึ่งอาจารย์วรวิทย์  ได้กล่าวกับท่านว่า  ได้รู้จักกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ที่เขากะลา   ได้มีการปฏิบัติธรรมในเรื่องการปล่อยวาง  พิจารณาขันธ์ห้าตามความเป็นจริงของธรรมชาติ  และให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน   เหมือนที่พระอาจารย์สอนเช่นกัน 
แต่ว่าที่แตกต่างก็คือ  กลุ่มนี้ปฏิบัติธรรมะ  เพื่อละวางอัตตา  รู้เท่าทันอุปาทานขันธ์ห้าแล้ว   ได้มีการติดต่อกับผู้มาเยือนจากดวงดาวอื่น  จากจักรวาลอื่นได้ด้วย  และจานบินมาปรากฏให้เห็นได้ด้วยตาเนื้อ 

โดยผมได้เห็นจานบินในระยะใกล้ด้วยตาตนเองด้วย   

ซึ่งพระอาจารย์ปารมีท่านให้ความสนใจ  และท่านกล่าวว่า  ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ  หากปฏิบัติตรงกับธรรมชาติ  ปล่อยวางอัตตาตัวตน  ละการยึดมั่นถือมั่นอย่างถูกวิธี  ก็จะมีคลื่นจิตละเอียด  สามารถสื่อสารกับพลังงานที่มีคลื่นจิตละเอียดในรูปแบบอื่นได้  ไม่ว่าเทพ  เทวดา หรือรูปแบบพลังงานจากดวงดาวอื่น  ที่มีความเจริญทางจิตได้เช่นกัน  ท่านจึงอยากพบ  และสนทนากับกลุ่มบุคคลกลุ่มนี้ 

อาจารย์วรวิทย์  จึงได้กราบเรียนพระอาจารย์ว่า  วันอาทิตย์หน้า  13  มิถุนายน 2553  กลุ่มเขากะลา จะมาพบผมที่ร้าน คืนชีวิตให้แผ่นดิน  พระอาจารย์จะเมตตา  ให้คณะนี้  มากราบท่านได้หรือไม่

พระอาจารย์ท่านเมตตา  ให้พาคณะนี้  มาพบท่านได้   

อาจารย์วรวิทย์  จึงกราบลาพระอาจารย์ปารมี  จากนั้นจึงได้แจ้งให้พี่สุดใจรับทราบ
 

ดังนั้น  ในวันที่  13 มิถุนายน 2553  หลังจากสนทนากับอาจารย์วรวิทย์ที่ร้านคืนชีวิตให้แผ่นดิน   เป็นเวลาพอสมควรแล้ว  อาจารย์วรวิทย์จึงได้พาคณะ  เดินทางไปพบพระอาจารย์ปารมี  เจ้าอาวาสวัดพุทธธรรมผาซ่อนแก้ว  ดังที่ได้กราบเรียนท่านไว้

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)  เดินทางไปถึงวัดพุทธธรรมผาซ่อนแก้ว  ในช่วงบ่าย





อาจารย์วรวิทย์  ได้พาไปยังศาลาปฏิบัติธรรม (ศาลาพระหยกเขียว) 
ซึ่งอยู่ภายในส่วนของสถานที่สำหรับผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรม
ซึ่งพระอาจารย์ปารมี  ท่านให้คณะฯ มาพบท่าน ณ ศาลาพระหยกเขียวแห่งนี้








กราบพระประธานฯ  ภายในศาลาปฏิบัติธรรม (ศาลาพระหยกเขียว)
ภาพพระเกจิอาจารย์   ที่อยู่ภายในศาลาปฏิบัติธรรม  (ศาลาพระหยกเขียว)








จากนั้นไม่นานนัก  พระอาจารย์ปารมี   ท่านได้มาที่ศาลาปฏิบัติธรรมแห่งนี้  พร้อมด้วยลูกศิษย์อีก 1 ท่าน

กลุ่มประสานงานฯ และอาจารย์วรวิทย์  ได้กราบพระอาจารย์ปารมี  ท่านให้พร  และเมตตาให้คณะเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อสนทนากับท่านอย่างใกล้ชิด

ท่านเป็นพระผู้ใหญ่ที่ใจดี มีเมตตากับคณะฯอย่างยิ่ง  ท่านสนทนากับคณะอย่างเป็นกันเอง  และสนใจเรื่องราวของการปฏิบัติ  และการฝึกจิตของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)  ว่ามีแนวทางปฏิบัติอย่างไร

พี่สุดใจ  จึงได้กราบเรียนพระอาจารย์ถึงแนวทางการปฏิบัติของทางเขากะลา   เน้นการปล่อยวาง  ละการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้า  ในอัตตาตัวตน   การเจริญสติให้เห็นขันธ์ห้าตามความเป็นจริงของธรรมชาติ  รู้เท่าทันกลไกของขันธ์ห้า ละวางอุปาทาน  เน้นการอยู่กับปัจจุบัน  และเห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป  ในปัจจุบันขณะ 
พระอาจารย์ปารมี  ท่านกล่าวว่า  การปฏิบัติเพื่อเห็นขันธ์ห้าตามความเป็นจริงนี้  เป็นแนวทางที่ถูกต้อง  ของแก่นพุทธศาสนา  ให้เห็นความเป็นจริงของขันธ์ห้า  ว่ามันเป็นของธรรมชาติ  มันเป็นเช่นนั้นเอง   หากจะไปบังคับบัญชาย่อมเกิดทุกข์พึงเจริญสติให้รู้เท่าทันอุปาทานเหล่านั้น
ท่านยังกล่าวอีกว่า  ที่ทางกลุ่มฯ ได้ปฏิบัติอยู่นั้นถูกต้องแล้ว   โดยมีความเข้าใจกลไกของขันธ์ห้า  ที่มันเป็นเช่นนั้นเองตามธรรมชาติ  มีความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติเพื่อออกจากอุปาทานได้อย่างชัดเจน  ถูกต้องตามแนวทางของพุทธศาสนาแล้ว  ให้ปฏิบัติกันต่อไป  ในแนวทางละวางอัตตานี้  ให้ละเอียด  แยบคายยิ่งขึ้น 
ท่านอนุโมทนาด้วย    (มีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และได้รับฟังพระอาจารย์กล่าว  รวม 5 ท่าน) 

ซึ่งเป็นพยานในการรับฟังคำกล่าว  คำชี้แนะแนวทางของพระอาจารย์ปารมีในวันนั้น
กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)  กราบขอบพระคุณในความมีเมตตา  ของพระอาจารย์ปารมี  ที่ท่านเมตตาชี้แนะแนวทางการปฏิบัติให้กับกลุ่มประสานงานฯ ในครั้งนี้ค่ะ   




หลังจากนั้น  อาจารย์วรวิทย์ได้กราบเรียนให้ท่านได้รับทราบถึงภารกิจ  ที่กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) กำลังปฏิบัติอยู่  ในเรื่องของการติดต่อสื่อสารกับกลุ่มพลังงานจากนอกโลก  ที่มาเพื่อวางโครงการช่วยเหลือมนุษย์โลก  ในเวลาที่เกิดวิกฤติของโลกใบนี้
พระอาจารย์ท่านกล่าวว่า  โลกนี้ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง  เป็นเรื่องที่ต้องเกิดตามเหตุปัจจัย  เมื่อถึงยุคเสื่อมย่อมเกิดการแปรปรวน ของ ดิน น้ำ  ลม ไฟ  ธาตุทั้งหลายย่อมแปรปรวน  ภัยพิบัติต่าง ๆ ก็ย่อมต้องเกิดขึ้น  ดังนั้น  พลังงานที่มาช่วยเหลือโลกมนุษย์ในยามวิกฤตนั้นมีมากมาย  จากเทพ  จากเทวดา  หรือจากนอกโลกก็ตาม  ย่อมให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกันตามธรรมชาติ  ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ทุกคนมีหน้าที่มา  ขันอาสามาบนโลกมนุษย์ใบนี้  ก็ต้องทำหน้าที่ของตนไป  แล้วยกระดับจิตเพื่อกลับคืนสู่ธรรมชาติ   ท่านก็มาตามหน้าที่ของท่าน  มาสร้างวัตถุสถาน   วัดวาอารามในที่ต่าง ๆ  เพื่อเป็นศูนย์รวมทางจิตใจ  เป็นหน้าที่ของท่านเหมือนกัน

คนอื่น ๆ ที่อาสามาทำงาน ก็ต้องทำหน้าที่ของแต่ละท่านไป  พร้อมกับการปฏิบัติจิตปล่อยวาง  ละการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้า  เพื่อคืนสู่ธรรมชาติ  ธรรมะ คือธรรมชาติ 

ท่านได้สอบถามถึงเรื่องการติดต่อสื่อสารกับรูปธรรม  รูปแบบพลังงานในอีกมิติหนึ่ง  ในโลกใบอื่น  ที่อยู่นอกเหนือจากจักรวาลนี้

จึงได้กราบเรียน  เรื่องราวที่เขากะลาให้ท่านได้รับทราบ

ท่านกล่าวว่า  ท่านก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานของอีกมิติหนึ่ง  จากพลังงานของโลกอื่น ๆ ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร  หากมีการปล่อยวาง  ว่างจากการยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเรา  มีความเข้าใจในธรรมชาติ  จิตก็จะเบาบางจากอุปาทาน  จะสามารถเชื่อมโยงกับรูปธรรมจากมิติอื่น ที่มีความเจริญทางจิตสูงได้  เป็นเรื่องปกติ 

แต่รับรู้แล้ว  สัมผัสแล้ว  เห็นแล้ว  ก็ต้องวางลง  เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์

หากเป็นฆารวาส  ผู้มีหน้าที่ในเรื่องนั้น ๆ  เมื่อมีการอาสาลงมาในเรื่องใด  การที่ต้องดำเนินงานในเรื่องนั้น ๆ ย่อมกระทำได้สะดวก  เรื่องการช่วยเหลือคน  เป็นเรื่องกุศล   ให้ทำไปพร้อมกับการทำประโยชน์ทางจิตของตนไปด้วยพร้อม ๆ กัน

การที่มีพลังงานจากมิติอื่น ๆ มาช่วยในยามเกิดวิกฤตนั้น  ถือว่าโลกใบนี้ยังโชคดี

และท่านยังได้กล่าวอีกว่า  ท่านยังพบว่ามีกลุ่มอื่น   ที่สื่อสารกับพลังงานจากต่างมิติ  จากนอกโลกได้ และมีการรวมกันเป็นกลุ่มทางภาคอีสาน  ซึ่งทางกลุ่มนี้น่าจะไปทำความรู้จักกันไว้  เพราะอาสามาในงานเดียวกัน

จากนั้น  พระอาจารย์ท่านยังเมตตา  ให้ที่อยู่ของกลุ่มที่ติดต่อสื่อสารกับพลังงานจากต่างมิติ  จากต่างดวงดาวให้กับทางกลุ่มฯ  เพื่อให้ไปประสานงาน  และแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเอง

กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ที่เมตตา  ทำให้รู้ว่า ยังมีอีกหลายจุดในประเทศไทย  ที่อาสามาทำงานในโครงการเช่นนี้  เหมือนกัน

จากนั้น  พระอาจารย์ปารมี  ท่านได้เมตตานำคณะฯ   ไปชมสถานที่ต่าง ๆ 

ท่านกล่าวยิ้ม ๆ ด้วยความเมตตาว่า  ถือว่าคณะนี้  เป็นคณะพิเศษ  จะพาไปชมกุฏิของท่านด้านล่าง และชมสถานที่ต่าง ๆ ที่อยู่ในเขตปฏิบัติกรรมฐานของพระภิกษุ   ที่มีความสงบ  เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม  นั่งสมาธิ  อย่างมาก



ทุกคนกราบขอบพระคุณพระอาจารย์  ที่ท่านให้ความเมตตาอย่างยิ่ง

หมายเหตุ....เนื่องจากมีเพียงกล้องมือถือ ของพี่สุดใจเพียงกล้องเดียว  ดังนั้น พี่สุดใจจึงรับหน้าที่บันทึกภาพ  และภาพบางส่วนบันทึกได้แต่ทางด้านหลัง  เพราะทางเดินแคบ  และผู้บันทึกภาพอยู่หลังสุดของแถว  ภาพที่บันทึกไว้ต่อจากนี้จึงเห็นแต่การเดินไปตามทางที่เล็ก และชัน สลับซับซ้อนไปมา  จนถึงกุฏิด้านล่างของพระอาจารย์ 


จากนั้น  พระอาจารย์ก็นำคณะ  เดินลงบันไดปูนเล็ก ๆ ผ่านเขตพระสงฆ์  ปฏิบัติธรรม








ตามทางที่ลงไปด้านล่าง  บันไดปูนเล็ก ๆ วนไปมา  ตลอดทางมีพืชพรรณต้นไม้ขึ้นมากมาย  สงบ และสวยงาม  พระอาจารย์ท่านได้หยุดเป็นระยะ ๆ และบรรยายธรรมให้คณะฯ ฟัง  จากต้นไม้ใบหญ้ารอบ ๆ ทางเดิน  และท่านชี้ให้เห็นความเป็นธรรมชาติ  ความง่าย ๆ ของธรรมะ  ในกฏของธรรมชาติ  ที่เป็นอย่างนั้นเอง




ลงมาด้านล่าง  ถึงกุฏิพระอาจารย์ปารมี  สถานที่เงียบสงบ เย็นสบาย  เหมาะอย่างยิ่งในการปฏิบัติธรรม 

พระอาจารย์กราบพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหยกขาว  ที่อยู่ด้านหน้ากุฏิ  และคณะฯ  ก็คลานขึ้นไปกราบพระพุทธรูปต่อจากพระอาจารย์

ธรรมชาติร่มรื่น  รอบ ๆ กุฏิพระอาจารย์ปารมี






ได้กราบเรียนขออนุญาต  นำคณะกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) มากราบท่านในโอกาสหน้า  จะได้หรือไม่ 

พระอาจารย์กล่าวว่า  มาได้เลย  อาตมายินดี  ท่านได้เมตตาให้หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อโดยตรงกับทางคณะฯ  หากจะเดินทางมาพบท่าน  ให้โทรศัพท์มาถามก่อน  ว่าท่านอยู่หรือไม่  หากท่านอยู่  ก็พาคณะมาได้  จะได้สนทนากัน  และหากมาค้างคืนเพื่อปฏิบัติธรรมด้วยก็จะดี 

กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ในความเมตตาครั้งนี้

คงมีการจัดคณะฯ  เดินทางมากราบพระอาจารย์ปารมีในโอกาสต่อไป


คุณเปิ้ล  ทราบว่าทางคณะเดินทางมากราบพระอาจารย์ปารมี 

จึงได้เดินทางจากหล่มสักมาสมทบด้วย
 



จากนั้น ก็พาคุณเปิ้ล ไปกราบพระอาจารย์ปารมี  และสนทนาธรรมกับท่าน 

พระอาจารย์กล่าวว่า  หายเหนื่อยหรือยัง  จะพาไปชมจุดอื่น ๆ ต่อไป

คณะฯ  จึงได้เดินตามพระอาจารย์   ไปยังจุดที่ตั้งอาคารอีกหลังหนึ่ง  ไม่ไกลนักจากกุฏิของท่าน






เมื่อเดินทางมาถึงยังบ้านหลังใหญ่  ที่ญาติโยมบริจาคปัจจัยสร้างถวาย เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมนั้น  พระอาจารย์ท่านนำชมด้านล่าง  สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้  ซึ่งมีวิวทิวทัศน์สวยงาม  เงียบสงบ  บรรยากาศเย็นสบายเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง

พระอาจารย์ปารมี  อนุญาตให้ถ่ายภาพร่วมกับท่าน  หน้าสถานปฏิบัติธรรมหลังนี้



ทางคณะฯ ได้ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก



ด้านบนสถานปฏิบัติธรรมหลังนี้  เป็นสองชั้น  ด้านล่างมีห้องเอนกประสงค์  และมีระเบียงทางเดินเพื่อออกไปยังชั้นล่างของอาคาร  และมีระเบียงใหญ่ยื่นออกไปด้านข้าง  มองเห็นวิวทิวทัศน์สวยงาม  สงบเงียบ  และบรรยากาศร่มรื่น  เย็นสบาย



พระอาจารย์ท่านได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ มากมายให้รับทราบ  พร้อมทั้งสลับด้วยธรรมะควบคู่กันไป 

จนเวลาล่วงเลยมาหลายชั่วโมง  จากช่วงบ่ายจนถึงเย็น  ท่านยังคงเมตตาสนทนากับกลุ่มประสานงานฯ อยู่อย่างต่อเนื่อง




เมื่อเห็นสมควรแก่เวลา  จึงกราบเรียน  ขออนุญาตท่านเดินทางกลับ  เพราะท่านมีญาติโยมมารอท่านอยู่ด้านบนจำนวนมากแล้ว

แต่ท่านได้กล่าวว่า  ไม่เป็นไร  นาน ๆ จะได้พบกันที   ท่านให้พระรูปอื่นไปสนทนาธรรมแทนท่านก่อน  ท่านจะพาไปชมอีกสถานที่หนึ่ง  ซึ่งอยู่ด้านบนนี้ 

จากนั้น  ท่านก็เดินนำขึ้นไปด้านบนอาคารหลังนี้   เมื่อคณะฯเดินตามขึ้นไป  พบว่าด้านบนเป็นลานกว้างมาก  และสัมผัสได้ถึงพลังงานเข้มข้นด้านบนอาคารหลังนี้





ท่านไปนั่งริมสุดของระเบียง  ที่มองเห็นทิวทัศน์โดยรอบ 
กลุ่มประสานงานฯ  ได้สัมผัสคลื่นพลังงาน ณ จุดนี้




ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน  ได้รับฟังธรรมจากท่าน  และได้รับฟังเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย  ท่านมีจิตเมตตาเป็นนิจ  ยิ้มแย้มแจ่มใส  และให้ความเมตตากับคณะฯ เป็นพิเศษ  เป็นที่ปลาบปลื้มในความเมตตาของพระอาจารย์ในครั้งนี้

ก่อนจะเดินทางลงจากสถานที่แห่งนั้น  พระอาจารย์อนุญาตให้บันทึกภาพร่วมกับท่านได้  ณ ลานปฏิบัติธรรมแห่งนั้น



ภาพพระอาจารย์ปารมี 
ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาอยู่เป็นนิจ

จากนั้น พระอาจารย์ได้นำคณะฯ  เดินทางกลับขึ้นมาอีกด้านหนึ่ง  ระหว่างทาง  ท่านได้ชี้ให้ดูต้นไม้นานาชนิด  ที่หายาก และปลูกไว้  ที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้  สลับกับการให้ข้อคิดธรรมะ  เป็นระยะ ๆ จากธรรมชาติที่มองเห็น





กลับขึ้นมาถึงด้านบน  แวะพักเหนื่อยที่ระเบียงด้านหลัง ก่อนถึงศาลาปฏิบัติธรรม  และได้สนทนากับพระอาจารย์อีกพักหนึ่ง  จนเกือบหกโมงเย็น  จึงกราบลาพระอาจารย์ปารมี  เพื่อเดินทางกลับ




พระอาจารย์ท่านได้ถามว่า  ขึ้นไปชมพระเจดีย์ด้านบนกันหรือยัง?   จะพาไปชม

จึงได้กราบเรียนท่านว่า  ได้เคยนำคณะฯ มาชมหลายครั้งแล้ว  ขอไม่รบกวนพระอาจารย์พาชมอีก

พระอาจารย์ปารมี  จึงพาคณะฯ เดินมายังหน้าเจดีย์  และอนุญาตให้บันทึกภาพร่วมกับท่าน   ก่อนคณะฯ  จะกราบลาพระอาจารย์ เพื่อเดินทางกลับ


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)  ขอกราบนมัสการ  ขอบพระคุณพระอาจารย์ปารมี  เป็นอย่างสูง  ที่ได้เมตตาบรรยายธรรม  นำชมสถานที่ต่าง ๆ และให้ความอนุเคราะห์กับกลุ่มประสานงานฯ อย่างดียิ่ง ในการเดินทางมากราบพระอาจารย์ในครั้งนี้ค่ะ
..............




กลุ่มประสานงานฯ  ได้เดินทางไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ 
ณ ภายในเจดีย์วัดพุทธธรรมผาซ่อนแก้ว 


เมื่อวันที่  14 กุมภาพันธ์ 2553
สมาชิกกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ได้เดินทางไปทำกิจกรรม   สแกนกรรม-รักษาผู้ป่วย  ที่ร้านคืนชีวิตให้แผ่นดิน  เขาค้อ  จังหวัดเพชรบูรณ์












............



เดินทางไปประสานงานกับพระอาจารย์ปารมี
ณ อุทธยานพุทธธรรม จ.อุบลราชธานี 24/6/53  

รายงานการเดินทางโดย
อาจารย์อลงกต(เทพบุตรชาวดิน)






กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)   
เดินทางไปประสานงาน  ณ จังหวัดอุบลราชธานี
วันที่ 24 มิถุนายน 2553


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)    จำนวน 7  ท่าน  ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ  08.40  นาฬิกา โดยประมาณ  มุ่งหน้าไปยังจังหวัดอุบลราชธานี  ผ่านสระบุรี  นครราชสีมา  บุรีรัมย์  สุรินทร์  ศรีสะเกษ  และมุ่งสู่จุดหมายปลายทาง  คือจังหวัดอุบลราชธานี
ขณะที่ผ่านจังหวัดบุรีรัมย์  จังหวัดสุรินทร์  และผ่านจังหวัดศรีสะเกษ เข้าสู่อำเภอกันทรารมย์  ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับพระอาจารย์ปารมี  ทราบว่า  ท่านกำลังเดินทางจากกรุงเทพฯ  โดยรถยนต์ของลูกศิษย์  กำลังจะถึงอำเภอกันทรารมย์พอดี

จึงกราบเรียนท่านว่า  คณะฯ ก็กำลังจะถึงอำเภอกันทรารมย์   พระอาจารย์จึงแจ้งว่า  ถ้าอย่างนั้น  ให้เดินทางไปพร้อมกับพระอาจารย์  แต่ท่านจะแวะที่วัดป่าขันติธรรม   ก่อน  เพื่อชมบารมีพระพุทธรูปหยก พระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก    ที่ทางวัดป่าขันติธรรม  โดยหลวงปู่เณรคำ  ฉัตติโก  เป็นประธานสงฆ์จัดสร้าง

เมื่อมาถึงในเวลาใกล้เคียงกัน  ห่างกันไม่กี่กิโลเมตร   พระอาจารย์ปารมี  จึงให้คณะฯ  ไปพบกับท่านที่วัดป่าขันติธรรม  แล้วจึงเดินทางต่อไปอุบลฯพร้อมกัน

จึงเปลี่ยนจุดหมาย   ไปที่วัดป่าขันติธรรม  เพื่อพบกับพระอาจารย์ปารมี  ไปกราบพระพุทธรูปหยกพระแก้วมรกตจำลอง  ที่กำลังจัดสร้าง  และไปกราบหลวงปู่เณรคำด้วย
คณะฯ  เดินทางมาถึงวัดป่าขันติธรรม  ก่อนคณะฯ ของพระอาจารย์ปารมีจะมาถึง  จึงได้กราบพระประธาน  และพระพุทธรูปภายในวัดป่าขันติธรรม










ไม่นานเท่าใดนัก  คณะของพระอาจารย์ปารมี  ก็เดินทางมาถึงวัดป่าขันติธรรม

กราบนมัสการพระอาจารย์   ท่านได้ให้ความเมตตาสนทนาด้วยความเป็นกันเอง







พระอาจารย์เดินชมภาพต่าง ๆ  งานทำบุญทำกุศลของทางวัด   ที่ทางวัดป่าขันติธรรมได้นำมาติดไว้ที่บอร์ด  พระอาจารย์ปารมีท่านเดินเยี่ยมชม  และสนทนากับกลุ่มประสานงานฯ  ไปด้วย







กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)  บันทึกภาพร่วมกับพระอาจารย์ปารมี  หน้าพระแก้วมรกตจำลอง องค์ใหญ่ที่สุดในโลก  ณ วัดป่าขันติธรรม  อ.กันทรารมย์  จังหวัดศรีสะเกษ

พระอาจารย์ปารมี  นำคณะฯ เข้ากราบหลวงปู่สมบูรณ์  ขันติโก   พระอาจารย์ของหลวงปู่เณรคำ








พระอาจารย์ปารมี  ได้สนทนากับหลวงปู่  และได้ถวายสิ่งของให้กับหลวงปู่ด้วย  หลวงปู่ให้พร  และพรมน้ำมนต์ให้กับคณะฯ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)  พร้อมทั้งเมตตาให้แผ่นซีดี  การเทศนาธรรมของหลวงปู่เณรคำ  ให้กับสมาชิกในคณะทุกท่านด้วย



 ............................................................................

จากนั้น  ได้เดินทางต่อไปยังจังหวัดอุบลราชธานี  โดยมีคณะฯ ของพระอาจารย์ปารมี  ขับรถนำหน้าไป

เดินทางไปถึงจังหวัดอุบลราชธานี  แล้วต่อไปทางช่องเม็ก  ก่อนถึงช่องเม็กจะมีทางแยกเข้าไปยังสถานปฏิบัติธรรมพลาญข่อย 

เมื่อเดินทางไปถึงศูนย์พลาญข่อย  ประมาณ 4 ทุ่ม  ซึ่งพ่อครูบัญชา  ตั้งวงษ์ไชย   มารอรับพระอาจารย์ปารมีอยู่ก่อนแล้ว  ได้เข้ากราบพระอาจารย์ปารมี  และทักทายคณะกลุ่มประสานงานฯ  และเชิญเข้าไปยังศาลาปฏิบัติธรรม

ซึ่งในขณะนั้น  มีผู้ปฏิบัติธรรมในศาลาจำนวนหนึ่ง  กำลังปฏิบัติสมาธิกันอยู่

พระอาจารย์ปารมี  และกลุ่มประสานงานฯ  ได้กราบพระประธานภายในศาลาปฏิบัติธรรมนั้น 

จากนั้น  ได้สนทนากับพ่อครูบัญชา ตั้งวงษ์ไชย โดยท่านได้กล่าวถึงที่มาที่ไป  ของการมาสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้

ท่านได้เปิดวีดีโอ  ประกอบการทำสมาธิของทางศูนย์ให้รับชม
ท่านยังนำชมภาพต่าง ๆ  ที่มีการวาดขึ้นมา  ทั้งเรื่องของการมาบอกเล่าเรื่องภัยพิบัติ  เรื่องของมนุษย์ต่างดาวที่สื่อสารผ่านมา  และวาดภาพต่าง ๆ ไว้ให้  รวมถึงท่านกล่าวว่า  มีจานบิน  บินให้เห็นมากมาย  จึงไม่ได้มีความสงสัยในเรื่องของพลังงานจากนอกโลกแต่อย่างใด

แต่ทางศูนย์  เมื่อรับทราบแล้วก็วาง   ไม่นำไปขยายต่อ  รู้กันเป็นการภายในเท่านั้น  เนื่องจากมุ่งที่จะปฏิบัติจิต   ทำสมาธิ   และปล่อยวางเพื่อให้พ้นทุกข์เท่านั้น

และท่านยินดีอย่างยิ่ง  ที่พบว่ามีกลุ่มที่ทำเกี่ยวกับเรื่องของการเตรียมการ  รับข้อมูลข่าวสารจากต่างดาว   และมีการเตรียมการเพื่อช่วยเหลือในเรื่องของภัยพิบัติด้วย

ท่านกล่าวว่า  การมาพบกันในวันนี้  มิใช่เรื่องบังเอิญ  แต่ถึงเวลาที่ต้องมาพบกัน   และได้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารซึ่งกันและกัน 

ท่านยังกล่าวเชิญ  สมาชิกกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)  ให้เดินทางมาเยือนที่ศูนย์พลาญข่อยอีก  ท่านยินดีต้อนรับ

ซึ่งต้องกราบขอบพระคุณพ่อครูบัญชาเป็นอย่างสูง

หลังจากนั้น  ท่านได้เชิญให้คณะฯ  ไปพักผ่อนยังบ้านพักที่จัดเตรียมไว้ให้  เพราะดึกมากแล้ว จะได้พักผ่อนกัน  (ขออภัย  ที่ไม่มีภาพมาให้ชม  เพราะภาพต่าง ๆ ของศูนย์พลาญข่อยที่ให้รับชมนั้น  เป็นการรับทราบเฉพาะภายในกลุ่ม  จึงขอไม่เปิดเผยในบางส่วน)


ศาลาพระโพธิสัตว์กวนอิม  ตั้งอยู่ภายในศูนย์พลาญข่อย 
เป็นศาลายกสูงขึ้น  ด้านบนมีรูปปั้น  พระโพธิสัตว์กวนอิม  ประทับอยู่ 
ศาลานี้สวยงามมาก 
มีนายแบบกิตติมศักดิ์  มาเป็นแบบประกอบฉากให้ 
ขอบคุณค่ะ














ในตอนเช้า   ได้ไปกราบพระอาจารย์ปารมี 
  ศาลาพระโพธิสัตว์กวนอิม 
ภายในศูนย์พลาญข่อย
 






อาจารย์แตง  และพระอาจารย์ปารมี
พี่สุดใจ  เป็นตัวแทนกลุ่มฯ   ไปพบ และสนทนากับพ่อครูบัญชา  พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวของการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลาให้ท่านได้รับทราบ และแจ้งให้ทราบถึงอุปกรณ์เทคโนโลยีจากต่างดาว  ที่นำมาให้มนุษย์โลกได้ทดลองใช้  โดยผ่านทางกิจกรรมที่ทางกลุ่มได้จัดขึ้น  เพื่อฝึกหัดใช้เทคโนโลยีเหล่านั้น  โดยผู้ใช้เทคโนโลยีจากต่างดาวในการทำกิจกรรมเรียกว่า  แพทย์แผนอนาคตท่านให้ความสนใจ  และสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ โดยละเอียด  จึงได้นำภาพการทำกิจกรรมของกลุ่มประสานงานฯ  ให้ท่านได้รับชม  พร้อมทั้งภาพยานอวกาศที่ได้บันทึกไว้ให้ท่านได้รับชมด้วยท่านกล่าวว่า  ที่คุณกล่าวมาทั้งหมด  พ่อครูรู้ว่าเป็นเรื่องจริง  เพราะหลาย ๆ เรื่อง  พ่อครูทราบมาก่อนแล้ว 
และท่านได้เล่าเรื่องราวของชีวิตนักธุรกิจของท่านในสหรัฐอเมริกา   ก่อนที่จะหันมาปฏิบัติธรรม  และสร้างศูนย์แห่งนี้ขึ้น โดยมีพระอาจารย์ปารมี  ท่านมานำสร้างไว้

ดังนั้น  ท่านจึงยินดี   ที่ได้มีการพบกัน  มีการรับทราบข้อมูลของแต่ละกลุ่มฯ ที่กำลังดำเนินการอยู่  และขอบคุณคณะที่เดินทางมาเยือนสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้


ท่านยังได้กล่าวเชิญให้นำคณะฯ  เดินทางมาเยือนอีกในโอกาสต่อไป

กราบขอบพระคุณพ่อครูบัญชา  ตั้งวงษ์ไชย  อีกครั้งหนึ่งค่ะ 








จากนั้น  ได้ไปทานกาแฟ ณ ศาลาปฏิบัติสมาธิ  โดยได้ร่วมสนทนากับพ่อครูบัญชา  ในเรื่องต่าง ๆ พร้อมทั้งอาจารย์หนุ่ย  ได้ร่วมสนทนากับท่านด้วย


ในวันนี้  มีคณะจากกรุงเทพฯ  ที่ได้ถวายสิ่งของให้พระอาจารย์ปารมี  และพระอาจารย์ปารมีได้นำคณะฯ ผู้บริจาคสิ่งของนั้น   นำสิ่งของมาบริจาคให้กับมูลนิธิเพื่อผู้ด้อยโอกาสศูนย์พลาญข่อย    เพื่อแจกเด็ก ๆ

พระอาจารย์ปารมี  ได้ชวนคณะกลุ่มประสานงานฯ  ร่วมกันช่วยแจกของให้กับเด็ก ๆ ด้วย 
กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ปารมีเป็นอย่างสูงค่ะ





















แต่เนื่องจากการแจกสิ่งของให้กับนักเรียน  เลื่อนกำหนดการออกไปอีกเล็กน้อย  เพราะยังมีของบริจาคที่ต้องเดินทางมาสมทบอีก 
ดังนั้น  คณะฯ  จึงต้องขออนุญาตพระอาจารย์ปารมี  เพื่อขอเดินทางกลับกรุงเทพฯ  เนื่องจากว่าต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง  และจะแวะชมปราสาทพนมรุ้งด้วย   จึงขออนุญาตกลับก่อน

พระอาจารย์ปารมีท่านได้มอบแผ่น CD ธรรมะ และหนังสือ  ให้กับคณะฯ กลุ่มประสานงานทุกคน  และได้รับพรจากพระอาจารย์ปารมีให้เดินทางกลับโดยปลอดภัย

จึงกราบลาพระอาจารย์ปารมี  ก่อนเตรียมตัวเดินทางกลับ







กราบลาคุณแม่ของพ่อครูบัญชา  ตั้งวงษ์ไชย
ซึ่งท่านอายุมาก  88 ปีแล้ว แต่ยังแข็งแรง  สดชื่น  แจ่มใสอย่างมาก

รับประทานอาหารเช้า  ที่โรงอาหารของศูนย์พลาญข่อย 


พบน้องแก้วทิพย์  ที่เพิ่งออกจากกรรมฐานมาในเช้าวันนี้ 




จากนั้น  ก็กราบลาพ่อครูบัญชา  ตั้งวงษ์ไชย  เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ซึ่งต้องกราบขอบพระคุณ  พ่อครูบัญชา  และผู้ปฏิบัติธรรมทุกท่าน  ที่ให้การต้อนรับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)  อย่างอบอุ่น  เป็นกันเอง  ตลอดระยะเวลาที่พักอยู่ ณ ศูนย์พลาญข่อยแห่งนี้ 

หากมีโอกาส   จะได้นำคณะฯ ไปเยือนศูนย์พลาญข่อย  จังหวัดอุบลราชธานี  อีกครั้งหนึ่งค่ะ







ข้อมูลเพิ่มเติมชมได้จาก
..............

 

เดินทางไปประสานงานกับพระอาจารย์ปารมี ณ เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ 24-26 /7/53

(โดยมีทีมของทางอาจารย์บุญหนาไปร่วมด้วย)


การเดินทางไปกราบนมัสการพระอาจารย์ปารมี 
และประสานงานฯ  กับอาจารย์บุญหนา ทวีจิตต์  จากลพบุรี
ณ วัดพุทธธรรมผาซ่อนแก้ว  เขาค้อ  จังหวัดเพชรบูรณ์
วันที่ 24 - 26 กรกฎาคม 2553

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) และคณะอาจารย์บุญหนา  ได้เดินทางไปวัดพุทธธรรมผาซ่อนแก้ว  เพื่อไปกราบพระอาจารย์ปารมี  และระหว่างทางได้แวะชมวิว ณ  ร้านกาแฟสด  coffee Hills  ซึ่งได้ปิดกิจการขายกาแฟสดไปแล้ว  แต่ทิวทัศน์ยังคงความสวยงามดังเดิม


















 

เดินทางไปถึงวัดผาซ่อนแก้ว  เวลาประมาณ 17.00  นาฬิกา โดยพระอาจารย์ปารมี  ท่านได้รอคณะฯ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) อยู่ก่อนแล้ว  โดยมีผู้ปฏิบัติธรรมจำนวนมาก  กำลังสนทนาธรรมกับท่านอยู่

พี่สุดใจ   จึงได้พาคณะฯ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) พร้อมทั้งคณะ อาจารย์บุญหนา  ไปกราบพระอาจารย์ปารมี  ที่ลานหน้าเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว 

ซึ่งท่านได้ทักทายด้วยความเมตตา   และแนะนำกลุ่มเขากะลา  ให้กับผู้ปฏิบัติธรรม ณ สถานที่นั้นได้รู้จักด้วย

ขออนุโมทนาบุญ  กับผู้ปฎิบัติธรรมทุกท่านที่ได้พบในวันนั้นด้วยค่ะ














จากนั้น  ได้มีคณะจากกรุงเทพฯ นำเทียนพรรษาและปัจจัยมาถวายพระอาจารย์ปารมี  ท่านจึงได้ให้ญาติโยมไปร่วมอนุโมทนาด้วย  โดยท่านได้นำคณะผู้ปฏิบัติธรรม  ขึ้นไปยังชั้น 2 ของเจดีย์วัดผาซ่อนแก้ว

ทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนาบุญกับคณะผู้มาถวายเทียนพรรษาในครั้งนี้








พระอาจารย์ปารมี  ท่านเมตตานำคณะกลุ่มประสานงานฯ  และผู้ปฏิบัติธรรม  ชมเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้วในชั้นต่าง ๆ  และบริเวณโดยรอบ  ที่มีทั้งความสวยงาม  ความสงบ  และบรรยากาศเย็นสดชื่น  และท่านยังเมตตาบรรยายรายละเอียดเรื่องราวของสถานที่แห่งนี้ให้รับทราบด้วย























หลังจากพระอาจารย์ปารมีท่านได้พาชมเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้วแล้ว
พระอาจารย์ก็กลับลงมาด้านล่างหน้าเจดีย์ 

ผู้ปฏิบัติธรรมได้เดินลงมายังลานด้านหน้าเจดีย์ และสนทนาธรรมกัน


















พระอาจารย์ปารมีท่านได้บอกแก่ญาติโยมว่า  เย็นวันนี้จะมีผู้ที่จะอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในวันพรุ่งนี้  จะมาโกนผมเพื่อเตรียมบวช 

เชิญญาติโยมมาร่วมอนุโมทนากับผู้ที่จะบวชเป็นพระภิกษุและจำพรรษาที่วัดผาซ่อนแก้วแห่งนี้ มาร่วมอนุโมทนากัน

ดังนั้น  ทางวัดผาซ่อนแก้ว  ได้เตรียมสถานที่สำหรับโกนผม บริเวณหน้าเจดีย์แห่งนี้



พระอาจารย์ปารมี  ท่านทำพิธีตัดผมให้กับผู้ที่จะบวชเป็นท่านแรก




จากนั้นบิดา มารดา ญาติผู้ใหญ่มาตัดผมให้กับผู้ที่จะบวชแล้ว  ท่านก็เชิญผู้ปฏิบัติธรรมมาร่วมตัดผม 
เพื่ออนุโมทนาให้แก่ผู้ที่จะบวชในวันพรุ่งนี้ร่วมกัน

ดังนั้น  ทางคณะฯ กลุ่มประสานงาน  และคณะอาจารย์บุญหนา 
ก็ร่วมอนุโมทนา  ตัดผมให้แก่ผู้ที่จะบรรพชาในครั้งนี้














ในช่วงนั้น  ได้มีผู้เจ็บป่วยมาขอรับการรักษาจากแพทย์แผนอนาคต 
อาจารย์หนุ่ยจึงทำหน้าที่รักษาอาการเจ็บป่วยให้







พอรักษาท่านแรกเสร็จแล้ว  เมื่อสอบถามอาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง  ท่านบอกว่า  ใช้พลังอะไรรักษา สัมผัสได้ถึงความร้อนที่วิ่งเข้าไปในร่างกาย  และอาการก็ดีขึ้น

อีกท่านหนึ่งเห็นการรักษา  ก็มาขอรับการรักษาด้วย  อาจารย์หนุ่ยจึงทำหน้าที่รักษาต่ออีก 1  ท่าน






หลังจากรักษาผู้ป่วยแล้ว  อาจารย์หนุ่ยได้รับข้อมูลให้อัพเกรดอุปกรณ์
ให้กับน้องแอนด้วย





ซึ่งปรากฏว่าในคืนนั้น  อุปกรณ์แพทย์แผนอนาคตของน้องแอน    สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ในช่วงนั้น  รายการทีวีช่องหนึ่ง มาขออนุญาตพระอาจารย์ปารมี  ขอถ่ายทำรายการ  และขอบันทึกภาพเจดีย์วัดผาซ่อนแก้วไปออกรายการเพื่อเผยแพร่ด้วย 

พระอาจารย์ปารมีท่านได้กล่าวอนุญาตให้ถ่ายทำรายการได้ 

ซึ่งเมื่อตอนมาถ่ายทำ  ก็ปรากฏว่า  พิธีกรก็คือ  คุณจอห์น  นูโว  หรือคุณจอห์น  รัตนเวโรจน์  ซึ่งเคยเป็นพิธีกรรายการ  มายาคอม  เมื่อปี 2541   และเคยเชิญกลุ่มเขากะลาไปออกรายการเรื่องที่สามารถติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้







ดังนั้น  จึงได้ไปกล่าวทักทายคุณจอห์น   บอกว่าจำได้ไหมที่เคยออกรายการมายาคอมเรื่องมนุษย์ต่างดาว

ปรากฏว่าคุณจอห์นมองหน้าแล้วบอกว่า....ผมจำได้ 

คุณจอห์นยังบอกอีกว่า   คุณพีท  ทองเจือ  ได้มาเล่าเรื่องจานบิน  เรื่องมนุษย์ต่างดาวที่กลุ่มเขากะลาติดต่ออยู่ให้ฟังด้วย  น่าสนใจมาก

พอดีกล้องโทรทัศน์กำลังถ่ายทำรายการอยู่  คุณจอห์นจึงขอตัวถ่ายทำรายการก่อน  แล้วค่อยคุยรายละเอียดกันใหม่อีกครั้ง








พระอาจารย์ปารมี  ท่านเมตตาให้จัดสถานที่พัก   ให้กับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ในเรือนพักผู้ปฏิบัติธรรม  โดยมีผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่ง  ได้นำคณะไปยังเรือนที่พัก

ขอกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ปารมีเป็นอย่างสูง  ที่เมตตาคณะฯ ด้วยดีเสมอมา

ขอขอบคุณ และขออนุโมทนา   กับผู้ปฏิบัติธรรมท่านนี้   (กราบขออภัยที่จำชื่อท่านไม่ได้) ที่อำนวยความสะดวกให้กับคณะฯ  ช่วยจัดหาที่พักและดูแลอย่างดียิ่งในวันนั้น

ขอบคุณค่ะ







ผู้ปฏิบัติธรรม  สวดมนต์เย็นร่วมกัน  หน้าลานเจดีย์พระธาตุ 
ในช่วงค่ำของคืนวันที่ 24 กรกฎาคม 2553









หลังจากสวดมนต์เย็นเสร็จ  ผู้ปฏิบัติธรรมได้นั่งสนทนาธรรมกับพระอาจารย์ปารมี  ท่านได้ให้ข้อคิด  ในเรื่องของธรรมะในแนวสติปัฏฐานสี่    ละการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5  เป็นหลัก   เป็นแนวทางเพื่อนำไปปฏิบัติ

หลังจากนั้นไม่นาน  มีฝนโปรยปรายลงมา  พระอาจารย์ปารมีจึงให้ขึ้นไปบนชั้น 2 ของเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว  เพื่อสนทนาธรรมกันต่อ  เพราะเวลายังไม่ดึกมากนัก

ดังนั้น จึงมีผู้ปฏิบัติธรรมบางส่วน  แยกย้ายกลับที่พัก  และบางส่วน   ตามพระอาจารย์ปารมีขึ้นไปบนชั้น 2 ของเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว

















พระอาจารย์ปารมี  ได้แนะนำกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) และคณะอาจารย์บุญหนา  ให้กับผู้มาปฏิบัติธรรมได้รู้จัก  และท่านได้ให้ทางกลุ่มฯ  เล่าเรื่องราวของการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา  ให้ท่านที่สนใจได้รับฟังด้วย

ดังนั้น  พี่สุดใจ  จึงเป็นตัวแทนเล่าเรื่องราวของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) โดยย่อให้ได้รับฟัง  รวมถึงได้กล่าวถึงเรื่องของการมาเตรียมการช่วยเหลือภัยพิบัติ  โดยใช้อุปกรณ์ในการทำงาน    มีทั้งอุปกรณ์สแกนกรรม  และอุปกรณ์แพทย์แผนอนาคต  ที่ได้มีการนำมาทดลองใช้แล้ว










หลายท่านให้ความสนใจ  สอบถามเรื่องราวต่าง ๆ  และสนใจทดสอบอุปกรณ์สแกนกรรม  รวมถึงรักษาอาการเจ็บป่วย

จากนั้น  ก็เชิญอาจารย์บุญหนา  กล่าวแนะนำคณะฯ ของอาจารย์บุญหนา  และการสร้างพระที่ท่าลี่

อาจารย์บุญหนา  ท่านจึงได้กล่าวถึงการสร้างพระองค์ใหญ่ที่ท่าลี่  ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างในขณะนี้   และได้ระดมปัจจัย  เพื่อนำไปสร้างองค์พระให้เสร็จตามวัตถุประสงค์

ดังนั้น  ท่านได้สร้างพระเครื่องขึ้นจากมวลสารตามที่ปู่ใหญ่  หลวงปู่เทพ  โลกอุดร  ท่านสื่อสารผ่านอาจารย์บุญหนา  ให้สร้างขึ้นจากมวลสารหลายชนิดที่ท่านบอกไว้   และมีคุณสมบัติสำหรับดูดสารพิษ   โดยมีการทดลองนำยาใส่แผลเบทาดีน  เทลงในน้ำเป็นสีน้ำตาลเข้ม  และนำพระที่มีมวลสารดูดสารพิษใส่ลงไป  ทำให้น้ำกลายเป็นสีขาวทันที












ซึ่งหลายท่านได้ให้ความสนใจอยากขอนำไปบูชา   อาจารย์บุญหนา  จึงได้ถวายพระเครื่องที่นำมาให้กับพระอาจารย์ปารมี  เพื่อท่านเป็นผู้มอบให้กับญาติโยม คนละ 1 องค์ 

หากท่านใดร่วมทำบุญ  แล้วแต่ศรัทธา  ก็จะนำปัจจัยไปร่วมสร้างพระองค์ใหญ่ที่วัดอัมพวัน  ท่าลี่  จังหวัดเลย














จากนั้น  มีผู้สนใจสแกนกรรม  และอุปกรณ์แพทย์แผนอนาคตเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย 

โดยมีการเข้าแถวจองคิวยาวเหยียด

อาจารย์ไก่  จึงรับหน้าที่สแกนกรรมให้ผู้ที่มารอรับการสแกนกรรม  มีผู้สนใจเข้าคิวรอเป็นจำนวนมาก 

โดยมีอาจารย์ไก่ฉายเดี่ยวสแกนกรรมในช่วงแรกเพียงท่านเดียว 

แต่มีผู้รอคิวแถวยาวมาก
จึงได้ให้แบ่งเป็น 2 แถว  เพื่อให้อาจารย์หนุ่ยช่วยสแกนกรรมด้วยอีกท่านหนึ่ง









อาจารย์หนุ่ย  รับหน้าที่สแกนกรรม และรักษาผู้ป่วยไปพร้อม ๆ กันในคราวเดียว  ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้สแกนกรรมในวันนี้  มีความแม่นยำอย่างมาก  จนผู้ที่เข้ามารับการสแกนกรรมยอมรับในความแม่นยำ  จนถึงกับจะไปตามเพื่อนอีก ประมาณ 10 คน  มาสแกนด้วย  จนต้องขอไว้  เพราะเท่าที่อยู่ที่นี่ ก็เกือบตีสองแล้ว  กว่าจะเสร็จ












พระอาจารย์ปารมี  กับภาพประทับใจ.....
ท่ามกลางสายหมอกยามเช้า  ที่วัดผาซ่อนแก้ว

ส่วนน้องแอน  น้องใหม่ล่าสุดที่เพิ่งอัพเกรดอุปกรณ์แพทย์แผนอนาคตไปเมื่อตอนเย็น 
ก็เริ่มทำงาน   โดยใช้อุปกรณ์แพทย์แผนอนาคตรักษาผู้ป่วย   และให้คำแนะนำต่าง ๆ  ตามข้อมูลระบบที่ส่งมา






 


น้องแอน  แพทย์แผนอนาคตรุ่นใหม่ 
กับผู้สนใจรักษา  ที่เข้ามาต่อคิวยาวเหยียด




ส่วนน้องโอม  ได้ทำหน้าที่บันทึกภาพด้วยอุปกรณ์กล้องถ่ายรูป   เป็นช่างภาพให้กับคณะฯ  ในครั้งนี้

จากการสแกนกรรม  และรักษาผู้ป่วยในครั้งนี้  ของทีมแพทย์แผนอนาคต  จากกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)  เป็นที่ประทับใจของผู้ที่มารับการสแกนกรรม  และรักษาอาการเจ็บป่วยในวันนั้น 

ผู้มารับการสแกนกรรม  และรักษาอาการป่วย  หลายท่านสัมผัสได้ถึงพลังงานความร้อนที่ผ่านจากมืออาจารย์หนุ่ย  เข้าไปในร่างกาย   และส่งไปยังจุดที่มีอาการเจ็บป่วยอยู่นั้น  จนรู้สึกถึงอาการเจ็บปวดที่เป็นมานานหายไป   และบางท่านอาการก็ทุเลาเบาบางอย่างเห็นได้ชัด หลังรับการรักษาจากอาจารย์หนุ่ย และน้องแอน  ในคืนนั้น

จึงมีหลายท่านขอเว็บไซด์ของกลุ่ม   บางท่านขอที่อยู่บ้านพุทธามหาเวท  เพื่อเดินทางไปร่วมกิจกรรมในวันที่ 22 สิงหาคม 2553    ที่จะมีการจัดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายที่บ้านพุทธามหาเวท


ขออนุโมทนากับคณะทีมแพทย์แผนอนาคต  และผู้ที่ร่วมเดินทางไปทริปนี้ทุก ๆ ท่านค่ะ



บรรยากาศยามเช้า  ณ  วัดพุทธธรรมผาซ่อนแก้ว
วันที่ 25 กรกฎาคม 2553


ตอนเช้า  หมอกลงจัด  อากาศหนาวเย็น  แต่สดชื่นอย่างยิ่ง 
















ในตอนเช้า  ทางโรงอาหาร  ได้เตรียมข้าวต้มร้อน ๆ พร้อมกาแฟ  และเครื่องดื่ม 
ไว้สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมได้รับประทานเป็นอาหารเช้า





ในตอนเช้า  คณะเดินทางมารอพระอาจารย์ปารมีที่หน้าเจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว   เพื่อกราบลาพระอาจารย์ปารมีก่อนเดินทางกลับ











พระอาจารย์ปารมี   ท่านเดินทางไปทำพิธีบวชพระที่วัดอีกแห่งหนึ่ง บนเขาค้อ   และท่านได้เดินทางออกไปแล้ว  จึงไม่ได้พบกับท่าน 
และท่านจะกลับมาถึงวัดผาซ่อนแก้วประมาณช่วงเที่ยง   จากนั้นก็จะสอนธรรมะแก่ผู้มาปฏิบัติธรรมที่วัดผาซ่อนแก้ว  ตลอดทั้งวัน ตามตารางปฏิบัติที่ได้วางไว้แล้ว

ดังนั้น  จึงได้โทรศัพท์ไปกราบเรียนพระอาจารย์ว่า  จะขอกราบลาพระอาจารย์เดินทางกลับก่อน  ไม่ได้อยู่รอกราบลาด้วยตัวเองในตอนบ่าย  เพราะอาจารย์บุญหนาท่านต้องเดินทางต่อไปจังหวัดอุดรในช่วงเช้าวันนี้

อาจารย์ปารมีท่านได้ชวนให้อยู่ปฏิบัติธรรมต่อ    จนถึงช่วงวันเข้าพรรษา 

แต่เนื่องจากอาจารย์บุญหนา  ท่านต้องเดินทางต่อไปยังจังหวัดอุดรธานี  และทางคณะฯ ก็ตกลงกันว่าจะเดินทางไปจังหวัดพิษณุโลก  เพื่อไปกราบไหว้พระพุทธชินราช  สถานที่สำคัญ ๆ ในจังหวัดพิษณุโลก และแวะเยี่ยมเยียนอาจารย์กัลยาด้วย 

กลุ่มประสานงานฯ  และคณะฯ อาจารย์บุญหนา จึงได้กราบลาพระอาจารย์ปารมีเพื่อเดินทางกลับ 
และจะพาคณะฯ  มากราบพระอาจารย์อีกในโอกาสต่อไป

ซึ่งพระอาจารย์ได้ให้พร  และให้เดินทางกลับโดยปลอดภัย  และท่านแจ้งว่าช่วงเข้าพรรษา ท่านจะไปปฏิบัติธรรมในถ้ำ  อาจไม่พบกับท่านในช่วงเข้าพรรษานี้  หากจะเดินทางมาพบท่าน  ให้โทรศัพท์แจ้งล่วงหน้าก่อนจะมาพบ  จะได้สนทนาธรรมกัน 

กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ปารมีเป็นอย่างสูง    ที่เมตตากลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ด้วยดีเสมอมา













อากาศหนาวเย็น  ทิวทัศน์สวยงาม 


มีทะเลหมอกให้ชม  ทั้งในระยะไกล  และแบบใกล้ชิด














อาจารย์บุญหนา  ได้เดินออกมาชมทิวทัศน์ในตอนเช้า 
ท่ามกลางหมอกที่ปกคลุมหนาแน่น  เป็นความสวยงามอีกแบบหนึ่ง





 

.......................

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
เดินทางเข้าร่วมงานถวายพระกฐิน
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
ณ วัดอัมพวัน บ้านร่องไผ่ หมู่ที่ 3 ตำบลโคกใหญ่ 
อำเภอท่าลี่  จังหวัดเลย 

ในวันที่ 13 - 14 พฤศจิกายน 2553
......

ในวันที่ 13  พฤศจิกายน 2553
กลุ่มประสานงานฯ  ได้พาคณะฯ ไปกราบพระอาจารย์ปารมี  ณ วัดพระธาตุผาแก้ว  เขาค้อ เพชรบูรณ์

ทางคณะฯ จึงได้เดินทางไปที่วัดผาซ่อนแก้ว  โดยมีอาจารย์วรวิทย์ได้เดินทางไปพร้อมกันด้วย  เพื่อไปกราบพระอาจารย์ปารมีเมื่อเดินทางไปถึงประตูทางเข้าวัดผาซ่อนแก้ว  ซึ่งมีแผนผังของวัดผาซ่อนแก้วติดอยู่นั้น ก็พบว่า

ได้เปลี่ยนชื่อเดิมจาก พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว  เป็น วัดพระธาตุผาแก้ว  แล้ว 




จึงได้อ่านประวัติของวัดพระธาตุผาแก้ว  พบว่า  เพิ่งมีการเปลี่ยนชื่อจาก พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว  เป็น วัดพระธาตุผาแก้ว   เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2553  หรือเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมานี่เองประวัติความเป็นมา วัดพระธาตุผาแก้ว http://www.phasornkaew.org/history/phasornkaew


ประวัติความเป็นมา


      วัดพระธาตุผาแก้ว ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 ในนาม "พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว" ได้รับการอนุมัติจัดตั้งเป็นวัดในมงคลนามว่า"วัดพระธาตุผาแก้ว"  เมืีอวันที่ 1 ก.ค. 2553 จากคณะกรรมการมหาเถรสมาคม โดยมีพระครูสังฆรักษ์ ปารมี สุรยุทโธ เป็นเจ้าอาวาส

      วัดพระธาตุผาแก้ว ตั้งอยู่ในชัยภูมิธรรม ณ. บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดย คุณภาวิณี และ คุณอุไร โชติกูล ได้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายเริ่มแรกจำนวน 25 ไร่ เพื่อก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ปัจจุบันมีผู้ร่วมถวายปัจจัยซื้อที่ดินเพิ่มรวมทั้งสิ้นมีที่ดินรวม 91 ไร่

      พระครูสังฆรักษ์ปารมี สุรยุทโธ และ พระครูใบฎีกาอำนาจ โอภาโส สองครูบาอาจารย์คู่บุญคู่บารมี ร่วมกับคณะศิษยานุศิษย์และเหล่าผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วประเทศได้ร่วมกันจัดสร้างเสนาสนะ กุฏิที่พักสงฆ์ อาคารปฎิบัติและบรรยายธรรม รวมถึงอาคารที่พักของผู้มาภาวนาเพื่อรองรับคณะผู้มีจิตศรัทธาจากทุกแห่งหนทีหลั่งไหลกันเข้ามาอบรมภาวนาในแนวสติปัฎฐานสี่ แห่งองค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากันอย่างต่อเนื่อง  เป็นที่ปิติยินดียิ่งของครูบาอาจารย์กับเหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจ..สละทั้งแรงกายและแรงทรัพย์ในการจัดสร้าง และสมกับคุณค่าแห่งความเสียสละ ความอุตสาหะ วิริยะ และมุ่งมั่นตั้งใจที่ได้ตั้งไว้โดยชอบแล้ว... 

     สถานที่อันเป็นธรรมภูมิที่งดงาม ซึ่งเรียกว่าผาซ่อนแก้วนี้ มีธรรมชาติเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบรอบบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม และบนยอดเขาสูงตระหง่านนั้น มีถ้ำอยู่บนปลายยอดเขา ซึ่งมีชาวบ้านทางแดงหลายคน ได้เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมา และต่างถือว่าเป็นสถานที่มงคล มีความศักดิ์สิทธิ์และเรียกตามๆ กันว่า "ผาซ่อนแก้ว" และพุทธสถานที่มาตั้งในจุดที่โอบล้อมด้วยทิวเขาดังกล่าว จึงเรียกว่า "พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว" เพื่อเป็นนิมิตมงคลแก่ชาวบ้านทางแดง และผู้มาปฏิบัติธรรมสืบไป

ข้อมูลอ้างอิงจาก   http://www.phasornkaew.org/history/phasornkaew


เมื่อเดินทางมาถึงวัดพระธาตุผาแก้วแล้ว   ทางคณะฯ จึงได้โทรศัพท์ไปกราบเรียนพระอาจารย์ปารมีและขออนุญาตพาคณะไปกราบท่าน  ซึ่งขณะนี้ได้เดินทางมาถึงวัดพระธาตุผาแก้วแล้ว 

พระอาจารย์ปารมีท่านบอกว่า  ให้เข้าไปพบท่านได้เลยที่ศาลาพระหยกเขียว  ท่านกำลังรออยู่ พร้อมญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรม

ทางคณะฯ จึงได้เดินทางขึ้นไป ณ วัดพระธาตุผาแก้วเพื่อไปกราบพระอาจารย์ปารมี     















ขึ้นมาถึงด้านบนวัดพระธาตุผาแก้ว  มองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงาม 
จึงเก็บภาพสวย ๆ มาฝากค่ะ












กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)  ได้เดินทางไปพบพระอาจารย์ปารมี ที่ศาลาพระหยกเขียว 

พระอาจารย์ปารมีกำลังบรรยายธรรมให้กับผู้ปฏิบัติธรรมประมาณ 30 ท่าน  ที่กำลังรับฟังธรรมะอยู่ในขณะนั้น

เมื่อทางคณะฯ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) เดินทางไปถึง  ท่านได้เรียกให้เข้าไปด้านหน้า   ทางคณะฯ จึงได้เข้าไปกราบพระอาจารย์ปารมีอย่างใกล้ชิด  ท่านได้ทักทายกับคณะด้วยความเมตตาเป็นอย่างยิ่ง 

และทางคณะฯ  ได้มีโอกาสรับฟังการบรรยายธรรมจากพระอาจารย์ปารมีด้วย












หลังจากพระอาจารย์ปารมีบรรยายธรรมเสร็จแล้ว  ท่านได้กล่าวแนะนำกับผู้ปฏิบัติธรรมว่า 
กลุ่มที่มานี้  เป็นกลุ่มเขากะลา  ที่มีการรวมกลุ่มกันปฏิบัติธรรม  ฝึกจิต  พร้อม ๆ กับการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวไปด้วย  และมีข้อมูลมากมาย  วันนี้ได้มาเจอกันแล้ว  ก็เล่าให้ญาติโยมฟังหน่อย  เขาจะได้รู้ว่าทางกลุ่มทำอะไร  และมีความเป็นมาอย่างไร 

ซึ่งในตอนนั้น  พระอาจารย์ปารมีท่านได้ชี้มาที่พี่สุดใจ   และท่านกล่าวว่า 
เชิญโยมสุดใจ  ช่วยเล่าให้ญาติโยมฟังหน่อยนะ เรื่องของเขากะลาที่กำลังทำอยู่น่ะ

พี่สุดใจจึงกราบขออนุญาตพระอาจารย์ปารมี   แล้วเล่าเรื่องราวของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)  เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา  วัตถุประสงค์ของการมาติดต่อสื่อสารกับมนุษย์โลก  การมาเตือนเรื่องภัยพิบัติ  การมาเตรียมการเพื่อช่วยเหลือมนุษย์โลก  เรื่องของอุปกรณ์เทคโนโลยีจากต่างดาว  เรื่องของการทำกิจกรรมในการรักษาผู้ป่วย และการสแกนกรรม  ด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีจากต่างดาว

ผู้ที่อยู่ ณ สถานที่นั้น ได้ให้ความสนใจอย่างมาก  เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน   แต่เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่และเชื่อได้ยาก  จึงได้มีหลายท่านซักถาม และพี่สุดใจ  ได้มีการตอบคำถามกับท่านที่สนใจเป็นระยะ ๆ

















ได้มีผู้ที่สนใจในเรื่องของภัยพิบัติ  ที่จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้  และได้สอบถามถึงความเกี่ยวเนื่องในเรื่องของภัยพิบัติ กับมนุษย์ต่างดาว   ว่าได้มีการมาเตรียมการไว้นั้น  เตรียมการในด้านใด และภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นนั้น  จะเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน

ซึ่งในส่วนของเรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น และการมาเตรียมการให้ความช่วยเหลือจากมนุษย์ต่างดาวนั้น อาจารย์วาสนา  ได้เป็นผู้ตอบคำถาม  พร้อมทั้งได้กล่าวถึงสาเหตุ  และลักษณะของภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น  ทั้งยังแจ้งให้ทราบถึงโครงการความช่วยเหลือของมนุษย์ต่างดาวที่ได้วางไว้ทั่วโลก

ซึ่งมีหลายท่านซักถาม และได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจ  จนหลายท่านขอที่อยู่ของกลุ่มประสานงานฯ หมายเลขโทรศัพท์ และเว็บไซด์ ufokaokala.com  เพื่อที่จะเข้าไปศึกษาข้อมูล 











ได้มีผู้สนใจสอบถามเรื่องของอุปกรณ์เทคโนโลยีจากต่างดาว  ที่ทางกลุ่มบอกว่าได้นำมารักษาผู้ป่วย  โดยมีการสแกนกรรม และรักษาโรคได้นั้น  รักษาผู้ป่วยได้จริงหรือไม่  และวิธีการรักษาเป็นแบบใด? 

พี่สุดใจได้ตอบคำถาม  และอธิบายถึงเรื่องของอุปกรณ์จากต่างดาว  ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยนั้น  มีผู้มาทำการรักษาแล้วหายจากอาการป่วยเป็นจำนวนมาก  ซึ่งวันนี้ก็มีผู้ที่ได้รับการรักษาแล้วหายจากอาการเจ็บป่วยมาด้วย

จากนั้น  จึงได้แนะนำให้รู้จักกับคุณแม่แดง  อาจารย์นิธิกานต์  ทองเจือ เจ้าของโรงเรียนอนุบาลนิธิกานต์  และเป็นคุณแม่ของอาจารย์พีท ทองเจือ  ดารานักแสดงที่ร่วมเดินทางไปด้วยในวันนั้น 

ผู้ปฏิบัติธรรมกล่าวสวัสดีกับคุณแม่แดง  และให้ความสนใจ  อยากทราบเรื่องราวของการเดินทางมาร่วมกับกลุ่มเขากะลาในครั้งนี้




จึงได้เรียนเชิญคุณแม่แดง  เล่าประสบการณ์ให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้รับฟังด้วย



คุณแม่แดงเล่าว่า

ได้รู้จักกับกลุ่มนี้จากลูกชาย (อาจารย์พีท) ที่มาเล่าให้ฟัง และบอกว่าทางกลุ่มเขากะลาติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้  มีการปฏิบัติธรรม  มีการฝึกจิตเพื่อติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว  และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างดาว  มาทำการรักษาผู้ป่วยให้หายได้

ท่านจึงได้ทดลองไปทำการสแกนกรรม  และรักษาอาการเจ็บป่วยที่เกิดกับตัวของท่านเอง  และพบว่าสามารถรักษาหายได้จริง  ซึ่งนอกจากตัวท่านเองแล้ว คุณแม่ท่านก็ได้รับการรักษา  แล้วก็หายเจ็บป่วยจริง


จากนั้น ท่านได้เล่าว่า  คุณแม่อายุแปดสิบกว่าปีแล้ว  ท่านเป็นโรคเก๊าท์มาหลายปีแล้ว  เจ็บปวดตามข้อ  และเท้าท่านจะบวมตลอด  รักษาที่โรงพยาบาลต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว  แต่อาการก็ยังเป็น ๆ หาย ๆ บวม ๆ ยุบ ๆ เรื่อยมา  เดินไม่สะดวกเพราะปวดที่ข้อเท้า

จนได้มีโอกาสพบคณะแพทย์แผนอนาคต  ที่ได้เดินทางไปเยี่ยมที่ รร.อนุบาลนิธิกานต์นั้น  จึงได้ให้ทดลองรักษาอาการป่วยของคุณแม่ให้หน่อย   ซึ่งในวันนั้น  คุณแม่เท้าบวมมาก  เป็นมาหลายวันแล้วทานยาก็ไม่ยุบ  เท้าที่บวมออกเป็นสีเขียวเข้ม และท่านปวดมาก

ทางคณะแพทย์แผนอนาคต  จึงได้ทำการสแกนดูว่าเกิดจากสาเหตุใด  จากนั้นก็ได้ทำการรักษาที่เท้า  ด้วยการใช้อุปกรณ์จากต่างดาว  ที่เป็นพลังงานส่งผ่านมาที่มือของผู้รักษา  โดยใช้มือลูบผ่านเท้าไปมาที่เท้าซึ่งกำลังบวมและปวดนั้น  ใช้เวลาประมาณ 5 นาที  จากนั้นก็บอกว่าเสร็จแล้ว  อาการของท่านจะเริ่มดีขึ้น

พอวันรุ่งขึ้น  เท้าคุณแม่ที่บวมและปวดติดต่อกันมาหลายวันนั้น  ได้ยุบลงจนเกือบเป็นปกติ  อาการปวดที่เท้าหายไป  อาการปวดตามข้อต่าง ๆ หายไป และวันต่อ ๆ มา  เท้านั้นก็กลับกลายเป็นเท้าปกติ  ไม่มีอาการปวด และบวมอีกเลย  และโรคเก๊าท์ที่ปวดตามข้อต่อเนื่องมาหลายปีนั้น  ก็พลอยหายไปด้วย  จากนั้นคุณแม่ท่านก็เดินเหินเป็นปกติ   เดินออกกำลังทุกวันจนร่างกายแข็งแรงมากขึ้น 

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบปีแล้ว โรคเก๊าท์ก็ไม่ปรากฏให้เห็นอีก  ท่านจึงเชื่อว่า  คณะฯแพทย์แผนอนาคตรักษาโรคได้จริง  เพราะได้พิสูจน์มาแล้ว
มีผู้ถามคุณแม่แดงเพิ่มเติมอีกว่า  ทำไมจึงเชื่อเรื่องจานบิน  และมนุษย์ต่างดาว  ได้เคยเห็น ufo หรือไม่ ?

คุณแม่แดงได้ตอบว่า  เคยเห็นจานบินด้วยตาตัวเอง  พร้อมกับลูก(อาจารย์พีท) และเพื่อน ๆ ลูก(ทีมงาน BLOG17)  ในตอนกลางวัน ที่โรงเรียนอนุบาลนิธิกานต์  อ่อนนุช





คุณแม่แดงเล่าต่ออีกว่า   ในช่วงสายวันหนึ่งที่หน้าโรงเรียนอนุบาลนิธิกานต์  ยืนอยู่กับกลุ่มของลูก ประมาณ 3-4 คน ขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้น  มีความรู้สึกว่ามีอะไรอยู่ข้างบนฟ้า  จึงเงยหน้ามองขึ้นไป  ก็เห็นวัตถุมีลักษณะเป็นกลม ๆ สีเงิน  กำลังเคลื่อนที่อยู่  ก็เลยชี้มือให้ลูกดู  ทุกคนเลยแหงนมองตาม ก็เห็นวัตถุกลม ๆ สีเงินกำลังเคลื่อนที่ผ่านไป  เมื่อเห็นว่าเป็นจานบินต่างก็รีบไปหยิบกล้องมือถือออกมาถ่ายภาพ

ขณะนั้น  วัตถุทรงกลมเคลื่อนที่ผ่านไป  คุณแม่แดงมองเห็นชัดเจน  และท่านเล่าว่า   วัตถุทรงกลมนั้นลอยช้า ๆ ผ่านทางด้านหลังโรงเรียน  ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมอยู่  วัตถุทรงกลมเปล่งแสงเป็นสีฟ้า และลอยผ่านหลังต้นไม้ที่หนาทึบ

(คุณแม่แดงทำมือประกอบภาพของวัตถุบินทรงกลม  ที่ลอยเข้าไปบังต้นไม้ที่หนาทึบ)

แต่ท่านกล่าวว่า  ต้นไม้ที่หนาทึบนั้น  จะต้องบังจานบินลำนั้นแน่นอน เพราะใบหนาทึบมาก   แต่แปลกที่ปรากฏว่าวัตถุสีฟ้านั้นกลับออกมาอยู่หน้าต้นไม้  แทนที่จะอยู่หลังต้นไม้  จึงมองเห็นการเคลื่อนที่ผ่านต้นไม้โดยทะลุออกมาอยู่ด้านหน้าใบไม้ ก่อนที่จะหายไป  เป็นประสบการณ์ที่พบเห็นพร้อมกันหลายคน และเป็นเวลากลางวันด้วย

ท่านยังกล่าวอีกว่า  ลูก(อาจารย์พีท) และเพื่อน ๆ ก็ถ่ายภาพไว้ได้

ขอกราบขอบพระคุณ  คุณแม่แดงเป็นอย่างสูง  ที่ได้กรุณานำประสบการณ์ที่ท่านได้พบเจอมาเล่าให้ผู้ปฏิบัตธรรมที่สนใจได้รับฟังในครั้งนี้ค่ะ

หมายเหตุ....คุณแม่แดงได้เล่าเหตุการณ์ที่พบเจอจานบินครั้งนี้  เป็นเหตุการณ์เดียวกันกับที่อาจารย์พีทได้นำมาเล่าไว้แล้วก่อนหน้านี้   ช่วงพบเจอจานบินในเหตุการณ์ครั้งนี้  และมีการบันทึกภาพได้พร้อมกัน 2 กล้อง

อ่านได้จาก Link  ด้านล่างนี้ค่ะ



http://ufokaokala.com/index.php?topic=357.msg2825#msg2825

http://ufokaokala.com/index.php?topic=357.msg2826#msg2826


จากนั้น  ก็ได้กล่าวแนะนำอาจารย์วรวิทย์  สินส่งสุข  เจ้าของร้านคืนชีวิตให้แผ่นดิน  ให้กับผู้ปฏิบัติธรรม ณ สถานที่นั้นได้รู้จัก  และได้กล่าวขอบคุณอาจารย์วรวิทย์ที่ได้เป็นผู้นำข้อมูลของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)  มากราบเรียนให้พระอาจารย์ปารมีได้รับทราบ  และพระอาจารย์ปารมีท่านจึงได้เมตตาให้กลุ่มประสานงานฯได้เข้าพบ  และได้มีโอกาสสนทนากับพระอาจารย์  โดยมีการนำคณะมากราบพระอาจารย์ปารมีหลายครั้งแล้ว  และท่านได้ให้ความเมตตากับกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ

และเรียนเชิญ อาจารย์วรวิทย์ได้กล่าวถึงความเป็นมาของท่าน  เหตุใดจึงได้มาพบเจอกลุ่มประสานงานฯ และเชื่อได้อย่างไร  ว่าสิ่งที่กลุ่มบุคคลนี้ที่เขากะลากล่าวมานั้น  เป็นเรื่องจริง







อาจารย์วรวิทย์  ได้เล่าให้ฟังว่า

ท่านมีความสนใจเรื่องของ ufo อยู่ก่อนแล้ว   และต่อมาได้รู้จักกับบุคคลท่านหนึ่ง ชื่อคุณเปิ้ลอยู่ที่เพชรบูรณ์  ได้เล่าเรื่องราวของกลุ่มเขากะลาให้ฟัง  และบอกว่ากลุ่มนี้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ และมนุษย์ต่างดาวได้มาเตรียมการเพื่อให้ความช่วยเหลือเรื่องของภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น  และยังให้เทคโนโลยี  เป็นอุปกรณ์จากต่างดาว  มาให้ทำการรักษาโรค และสแกนกรรมด้วย

ในตอนนั้นท่านก็ไม่ได้เชื่อ  แต่สนใจตรงที่มนุษย์ต่างดาวจะมาช่วยเหลือในเรื่องของภัยพิบัติ  เพราะตัวท่านเองก็เชื่อว่าภัยพิบัติจะเกิดขึ้น   ซึ่งท่านได้เข้าร่วมอยู่ในโครงการเศรษฐกิจพอเพียง  ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติเขาค้อ  และให้ความสนใจเรื่องของภัยพิบัติด้วยเช่นกัน

ดังนั้น  เมื่อท่านได้รับฟังข้อมูล  ก็เกิดความสนใจและอยากทราบว่าเรื่องที่คุณเปิ้ลได้เล่าให้ฟังนั้นจะจริงเท็จประการใด แต่ยังไม่มีโอกาสได้รู้จักกับกลุ่มนี้


เมื่อวันที่ 22-11-2009  กลุ่มประสานงานฯ  ได้เดินทางไปร่วมงานแต่งงานกับคุณเปิ้ล กับคุณเคน  ที่เขาค้อ เพชรบูรณ์  จึงเป็นโอกาสดีที่กลุ่มประสานงานฯ(เขากะลา) ได้เดินทางมาแวะที่ร้านคืนชีวิตให้แผ่นดิน  จึงได้ให้การต้อนรับ  และรับทราบเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา การมาเตรียมการให้ความช่วยเหลือของมนุษย์ต่างดาว และเรื่องของธรรมะละวางอัตตาตัวตน  ที่ทางกลุ่มฯได้ถ่ายทอดให้รับฟังทำให้เกิดความเข้าใจ และสนใจมากยิ่งขึ้น

จึงเชื่อว่า  มนุษย์ต่างดาวที่มาติดต่อสื่อสารกับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)นั้น  ได้มาด้วยความเป็นมิตร  มาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์โลก  ไม่ได้มาเพื่อต้องการจะยึดโลกอย่างที่ต่างประเทศเข้าใจ
หลังจากได้รู้จักกันแล้ว  ได้ทราบว่าทางกลุ่มมีกิจกรรมรักษาผู้ป่วยที่อุตรดิตถ์ ในเดือนธันวาคม  2009   ด้วยความอยากรู้  อยากพิสูจน์ว่าจะเป็นจริงหรือไม่  จึงได้เดินทางจากเขาค้อ  ไปพบกับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ที่อุตรดิตถ์ 

และในวันนั้นได้ทดลองสแกนกรรม และทดลองทำการรักษาอาการปวดหัวที่เป็นเรื้อรังมาเกือบ 10 ปีแล้ว ไปรักษาที่โรงพยาบาล  ตรวจเช็คก็ไม่พบสาเหตุ  รักษาเท่าไรก็ไม่หายขาด   จึงได้มาทดลองว่าจะได้ผลหรือไม่

ซึ่งในวันนั้นได้มีอาจารย์เม้าท์สแกนกรรมให้  และอาจารย์จักษวัชร์ เป็นผู้รักษาอาการปวดศรีษะให้


อาจารย์วรวิทย์เดินทางไปพบกับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ที่บ้านธัมมะสุขใจ อุตรดิตถ์





สแกนกรรม  กับอาจารย์ MOUNTAIN 



รักษาอาการปวดหัวเรื้อรังนับ 10 ปี  กับอาจารย์จักษวัชร์  แพทย์แผนอนาคต
ที่ทำการรักษาอาการปวดหัว  ด้วยอุปกรณ์จากต่างดาว  ด้วยมือเปล่า ใช้เวลาเพียง 5  นาทีเท่านั้น





อาจารย์จักษวัชร์  ใช้เวลารักษาเพียง 5 นาที  อาการปวดหัวที่เป็นอยู่นั้น  หายไปทันทีประมาณ 70 % รู้สึกโล่งศรีษะ  สบายอย่างยิ่ง  และอาจารย์จักษวัชร์บอกว่า จะรักษาต่อเนื่องอีก 1 - 2 ครั้งก็จะหายขาด

และจากนั้น  อาจารย์จักษวัชร์รักษาต่อเนื่องทางโทรศัพท์อีก 2 ครั้ง  อาการปวดหัวเรื้อรังนับ 10 ปีนั้น บัดนี้ไม่มีอาการปวดหัวเกิดขึ้นอีกเลย  นับว่ามหัศจรรย์มาก 


ทำให้เริ่มมีความเชื่อว่า ทีมแพทย์แผนอนาคต  ที่ใช้อุปกรณ์รักษาโรคจากต่างดาวนั้น สามารถทำงานได้จริง

จากนั้น  อาจารย์วรวิทย์ได้เล่าต่อไปว่า  เมื่อได้มาพิสูจน์ในเรื่องของการรักษาอาการเจ็บป่วยแล้ว  เห็นผลว่าสามารถรักษาได้จริง  แต่ยังมีความสงสัยในเรื่องของจานบิน  มนุษย์ต่างดาว  จึงอยากที่จะมาพิสูจน์ว่าจะมีจริงดังที่ทางกลุ่มเขากะลาได้กล่าวไว้หรือไม่

จึงได้โทรศัพท์นัดหมายกับพี่สุดใจ  ว่าจะพาคณะเดินทางไปที่เขากะลา  ซึ่งพี่สุดใจก็ตอบรับ  และยินดีพาขึ้นไปบนเขากะลา

ดังนั้น  จึงได้ชักชวนเพื่อน ๆ อีก 2 ท่าน ให้ไปด้วย  เพื่อไปพิสูจน์เรื่องจานบินและมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลากัน

อาจารย์วรวิทย์เล่าต่ออีกว่า  ในวันนั้น พี่สุดใจได้พาผมและคณะขึ้นไปบนเขากะลา และพบคณะฯ กลุ่มประสานงานฯ รออยู่ก่อนแล้ว 

จึงได้ขึ้นไปกราบพระประธานปางนาคปรกบนเขากะลา   หลังจากนั้นก็ได้นั่งสนทนากัน  กับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)






ในช่วงเวลานั้น  ได้มีวัตถุบินแปลก ๆ มาปรากฏหลายครั้ง  และได้เห็นวัตถุที่เป็นสีขาวสว่างคล้ายดาว  วิ่งไปวิ่งมาพร้อม ๆ กันหลายลำ  วิ่งสวนกัน  วิ่งแข่งกัน วิ่งตามกัน 

ซึ่งครั้งแรกคิดว่าเป็นดาวเทียม  แต่เมื่อเห็นลักษณะการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้นแล้ว  จึงทราบว่าไม่ไช่ดาวเทียม  เพราะปรากฏพร้อม ๆ กันหลายลำในขณะเดียวกัน  บางลำวิ่งไปแล้วหยุดอยู่กับที่  บางลำวิ่งแข่งกัน  บางลำวิ่งซิกแซกไปมา บางลำวิ่งในระดับสูง  แล้วจู่ๆ ก็ทิ้งตัวลงมาด้านล่าง  แล้ววิ่งต่อไป  ทำให้ทราบว่า  นี่ไม่ใช่ดาวเทียม 


เพราะดาวเทียมเท่าที่ทราบจะมีทิศทางการเคลื่อนที่ช้า ๆ และเป็นวงโคจรที่แน่นอน  ไม่สามารถวิ่งแล้วหยุด  หรือเคลื่อนที่แบบซิกแซก  หรือทิ้งดิ่งลงมาแล้วบินต่อได้เลย

ในตอนนั้นก็รู้สึกแปลกใจที่เห็นวัตถุแปลก ๆ นับ 10 ลำมาปรากฏให้เห็น แต่เนื่องจากเป็นระยะที่ไกล  จึงยังไม่มั่นใจมากนักว่าเป็น ufo แต่มั่นใจว่าสิ่งที่เห็นนั้นไม่ใช่ดาวเทียมอย่างแน่นอน




จนกระทั่งในช่วงประมาณ 23.00 นาฬิกา  พี่สุดใจได้พาผมและคณะลงจากเขากะลา  มาพักที่บึงบอระเพ็ดซึ่งทางคณะได้จัดที่พักไว้ให้แล้ว  ซึ่งในตอนนั้น  ในขณะที่ผมกำลังเดินจะเข้าบ้านพักนั้น  สายตาผมมองไปเห็นวัตถุทรงกลมขนาดใหญ่ลอยอยู่ไม่สูงนักจากหลังคาที่พัก  เห็นแสงไฟส่องออกมาจากช่องเล็ก ๆ  คล้ายหน้าต่างจานบิน  ที่มีหลายช่องรอบ ๆ ด้านที่มีลักษณะเป็นวงกลมลำนั้น

เหมือนภาพวาดจานบินในการ์ตูน ที่สมัยเด็ก ๆ เคยเห็น  คือเป็นรูปจานบินวงกลม  มีหน้าต่างเป็นช่อง ๆ  ที่ผมเห็นเหมือนจานบินที่วาดในการ์ตูน  แต่เป็นทรงกลมขนาดใหญ่และมีไฟส่องออกมาจากช่องหน้าต่างนั้นด้วย

ผมหยุดนิ่ง  และยืนดูพร้อมทั้งสังเกตุในรายละเอียด  ซึ่งในบริเวณนั้นไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ เขาเดินนำหน้าไปหมดแล้ว  และเมื่อจานบินลอยผ่านไป  ผมจึงได้เดินต่อ   และได้เล่าให้สมาชิกเขากะลาได้รับฟัง

เป็นการเห็นด้วยตัวเองอย่างชัดเจน  จึงหมดข้อสงสัยในเรื่องของมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลา  ที่ได้มาเตรียมการเพื่อช่วยเหลือมนุษย์โลก  โดยได้นำวัตถุที่เป็นจานบินเข้ามาในโลกมนุษย์ด้วย 

ผมได้พบเห็น  และพิสูจน์ด้วยตัวเอง  จึงได้เชื่อว่า  สิ่งที่กลุ่มเขากะลากำลังทำอยู่นี้...เป็นเรื่องจริง.


เมื่ออาจารย์วรวิทย์เล่าจบ  หลายท่านที่รับฟังได้ให้ความสนใจ  และสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ จากอาจารย์วรวิทย์เป็นการส่วนตัว หลังจากนั้น

ต้องขอขอบคุณอาจารย์วรวิทย์  สินส่งสุข  เจ้าของร้านคืนชีวิตให้แผ่นดิน  ที่ได้นำประสบการณ์  ตั้งแต่เริ่มพบเจอ  ได้มารู้จัก  และได้ทดสอบทดลองรักษาโรคด้วยอุปกรณ์ต่างดาว  และไปทำการพิสูจน์เรื่องจานบินและมนุษย์ต่างดาวแล้วนั้น 

ในวันนี้  ท่านได้นำประสบการณ์นั้นมาเล่าให้ผู้ที่สนใจได้รับฟังด้วย.



ภายในบึงบอระเพ็ดที่อาจารย์วรวิทย์เห็นจานบินในตอนดึกคืนนั้น




จากนั้น  ได้มีผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านหน้า ซึ่งท่านรับฟังอย่างตั้งใจ และมีความสนใจในการใช้อุปกรณ์รักษาอาการเจ็บป่วย   จึงได้ขอให้ทางกลุ่มประสานงานฯ  ได้ช่วยรักษาอาการป่วยให้กับท่านนั้นด้วย

อาจารย์หนุ่ย(เทพบุตรชาวดิน) ได้มอบหมายหน้าที่รักษานี้ ให้กับอาจารย์มิวส์ เป็นผู้ทำการรักษาให้ เพื่อทดสอบการใช้อุปกรณ์ของอาจารย์มิวส์







ซึ่งในช่วงที่กำลังรักษานั้น  ได้มีหลายท่านเข้ามาสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ จากสมาชิกกลุ่มประสานงานฯ  รวมถึงต้องการสอบถามเรื่องของภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น

คุณแม่แดงได้เล่าประสบการณ์ที่ได้เข้ามาสัมผัส  และพบเจอสมาชิกกลุ่มฯ นี้  ให้ท่านที่สนใจได้รับฟังเพิ่มเติม 




อาจารย์วรวิทย์  เล่าเรื่องการพบเจอกับกลุ่มนี้  และการพบเห็นจานบินที่เขากะลา  ให้กับผู้ที่สนใจในเรื่องเทคโนโลยีจากต่างดาว  ได้รับฟังเพิ่มเติม



และอาจารย์วาสนา  ให้ข้อมูลในเรื่องของภัยพิบัติ  และการมาเตรียมการของมนุษย์ต่างดาวเพื่อช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น



อาจารย์หนุ่ย (เทพบุตรชาวดิน)  ได้นำแผ่น DVD สารคดีของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)   ในชุดล่าสุด  จากจักรวาลถึงมนุษย์โลก 2 ที่อาจารย์หนุ่ย (pluto47) เพิ่งตัดต่อเสร็จ 

และอาจารย์หนุ่ย(เทพบุตรชาวดิน)  ได้ copy แผ่นสารคดีของกลุ่มฯมาด้วยหลายแผ่น  และได้ถวายพระอาจารย์ปารมีจำนวน  1  แผ่น 




และได้มอบแผ่นสารคดีของกลุ่มประสานงานฯ จากจักรวาลถึงมนุษย์โลก ชุด 2 นี้  ให้แก่

พลอากาศตรีภักดิวรรธน์  วชิรพัลลภ  ผู้ว่าการสถานบันการบินพลเรือน 

ซึ่งท่านได้ให้ความสนใจข้อมูลของทางกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) เป็นอย่างยิ่ง  เนื่องจากท่านสนใจในเรื่องของภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น  และท่านได้ให้นามบัตรของท่าน  กับกลุ่มฯ เพื่อการประสานงานกันในวันข้างหน้า



จากนั้น  ได้มีผู้ที่สนใจอยากได้แผ่นซีดีอีกจำนวนมาก  แต่เนื่องจากมีไปเพียงเล็กน้อย  จึงได้มอบให้กับอีก 2 - 3 ท่านที่ได้ให้ความสนใจและแจ้งความจำนงค์เข้ามาก่อน  แต่ได้ให้ชื่อเว็บไซด์...เพื่อไปชมได้ในเว็บไซด์ ufokaokala.com


ในขณะที่สมาชิกกลุ่มประสานงานฯ และอาจารย์วรวิทย์กำลังให้ข้อมูลกับผู้ที่สนใจอยู่นั้น

คุณแม่แดงได้เข้าไปกราบพระอาจารย์ปารมี  พร้อมทั้งถวายน้ำผลไม้แก่พระอาจารย์

และได้สนทนาธรรมกับพระอาจารย์ปารมี  ภายในศาลาพระหยกเขียวแห่งนี้   
 









เมื่อสมควรแก่เวลา  ทางคณะจึงได้ขออนุญาตกราบลาพระอาจารย์ปารมี  เพื่อเดินทางไป อ.ท่าลี่ จ.เลย 

และก่อนเดินทางต่อ   จะนำคณะขึ้นไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุ  และชมพระธาตุผาแก้วอันสวยงามก่อน  เพราะคุณแม่แดง และสมาชิกบางท่านยังไม่เคยมาชมเจดีย์พระธาตุผาแก้วแห่งนี้

กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ปารมี  ที่เมตตาให้กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ได้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการทำงานของกลุ่มฯ  ให้กับผู้มาปฏิบัติธรรมได้รับทราบ 

 พระอาจารย์ท่านให้พรกับคณะฯ    ให้เดินทางโดยปลอดภัย




จากนั้นจึงได้กราบอนุโมทนาบุญกับผู้ที่มาปฏิบัติธรรม ณ วัดพระธาตุผาแก้วในครั้งนี้   พร้อมทั้งขอตัวเดินทางต่อไปที่จังหวัดเลย 

ซึ่งผู้ปฏิบัติธรรมก็ได้ร่วมอนุโมทนากับกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ในการเดินทางไปร่วมงานถวายพระกฐินสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ณ จังหวัดเลย ในครั้งนี้ 




ชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ร่วมงานถวายพระกฐินสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก จ.เลย


วันนี้  25 มกราคม 2554

เนื่องจากช่วงเช้าวันนี้  ได้รับทราบว่า  พระอาจารย์ปารมี  เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาแก้ว(ผาซ่อนแก้ว) เขาค้อ  เพชรบูรณ์  ท่านได้เดินทางมากรุงเทพฯ  และท่านได้ไปที่โรงหล่อพระ พุทธรังษี  เพื่อดูการหล่อพระที่จะนำไปประดิษฐานที่วัดพระธาตุผาแก้ว





ดังนั้น  จึงได้กราบเรียนท่านว่า  จะไปกราบพระอาจารย์ได้หรือไม่   ท่านบอกว่ายินดี  มาพบที่โรงหล่อพระที่อ้อมใหญ่ได้ในช่วงบ่ายวันนี้

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) และอาจารย์นิธิกานต์  ทองเจือ  เดินทางไปกราบพระอาจารย์ปารมี   ณ โรงหล่อพระ...พุทธรังษี  อ้อมใหญ่  สามพราน จังหวัดนครปฐม
 

ผู้ร่วมเดินทาง 
1. อาจารย์นิธิกานต์  ทองเจือ
2. อาจารย์สุดใจ 
3. อาจารย์แตง










พระอาจารย์ปารมี  ท่านกำลังดูช่างปั้นองค์พระอยู่ภายในโรงหล่อพุทธรังษี









ที่วัดพระธาตุผาแก้ว   กำลังจะสร้างวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ขนาดใหญ่  สูงเท่าเจดีย์พระธาตผาแก้ว  ซึ่งพระอาจารย์ปารมี  ได้ให้ช่างออกแบบและกำลังสร้างแบบเพื่อหล่อพระซึ่งจะนำไปประดิษฐานภายในวิหาร

พระอาจารย์ปารมี  ได้นำภาพวิหารที่กำลังจะก่อสร้างมาให้ชม  ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก 






พระอาจารย์ปารมี  ท่านเพิ่งกลับจากไปดูการสร้างเจดีย์ที่ประเทศพม่า  และได้เล่าให้ฟังหลายเรื่อง  และได้สนทนาธรรมกับคุณแม่แดงด้วย
 


















สนทนากับพระอาจารย์ปารมีตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงเย็น   จนช่างได้ปั้นแบบของพระพุทธรูปเสร็จเรียบร้อยแล้ว  และเชิญพระอาจารย์ปารมีไปชม  ว่าจะต้องแก้ไขตรงส่วนใดหรือไม่

ตอนมาครั้งแรก  ช่างกำลังปั้นและตกแต่งแบบองค์พระ





แบบองค์พระเสร็จแล้ว  เพื่อให้พระอาจารย์ปารมีได้ชมก่อน  หากไม่มีสิ่งใดแก้ไขก็จะนำไปหล่อเป็นองค์พระต่อไป













บันทึกภาพกับพระอาจารย์ปารมี 





อาจารย์แตง  ร่วมถวายปัจจัยสร้างพระพุทธรูป ประดิษฐาน ณ วัดพระธาตุผาแก้ว  เขาค้อ เพชรบูรณ์





คุณแม่แดง  และพี่สุดใจ  ร่วมถวายปัจจัยสร้างพระพุทธรูป ประดิษฐาน ณ วัดพระธาตุผาแก้ว  เขาค้อ เพชรบูรณ์














เวลาประมาณ 16.30 นาฬิกา  อาจารย์นิธิกานต์  และกลุ่มประสานงานฯ  ได้กราบลาพระอาจารย์ปารมี   เพื่อเดินทางกลับ 



กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)  ขอกราบขอบพระคุณพระอาจารย์ปารมีเป็นอย่างสูง  ที่ได้ให้ความเมตตา  และให้ความอนุเคราะห์ต่อกลุ่มประสานงานฯ ด้วยดีเสมอมา

ขอกราบนมัสการ
..........
ข้อมูลเพิ่มเติม




 วันที่ 27 มีนาคม 2554
กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
เดินทางไปกราบพระอาจารย์ปารมี 
ที่วัดพระธาตุผาแก้ว  เขาค้อ  เพชรบูรณ์

  
วัดพระธาตุผาแก้ว (วัดผาซ่อนแก้ว)

กลุ่มประสานงาน  จำนวน 6 ท่าน
เข้ากราบนมัสการ พระอาจารย์ปารมี สุรยุทโธ
ณ วัดพระธาตุผาแก้ว (วัดผาซ่อนแก้ว)
ในช่วงเวลาค่ำของวันที่ 27 มีนาคม 2554


พระอาจารย์ปารมี  ท่านเมตตาสอบถามข้อมูลความคืบหน้าของ
งานที่ทางกลุ่มประสานงานฯ กำลังดำเนินการนั้น  เป็นอย่างไรบ้าง 

และท่านได้บรรยายธรรม  ให้กับทางคณะได้รับฟังด้วย

จนถึงช่วงดึก  ท่านจึงได้ให้ทางคณะฯ  พักในบ้านพักของผู้ปฏิบัติธรรม  ภายในวัดพระธาตุผาแก้ว 





















บรรยากาศยามเช้า  ณ พระธาตุผาแก้ว
ท้าวเวสสุวรรณ
ในวัดพระธาตุผาแก้ว (วัดผาซ่อนแก้ว)







บรรยายกาศที่เย็นสบาย
 สวยงามทั้งภายในและภายนอก วัดพระธาตุผาแก้ว (วัดผาซ่อนแก้ว)


















ในช่วงเช้า  ได้กราบลา
พระอาจารย์ปารมี สุรยุทโธ
วัดพระธาตุผาแก้ว (วัดผาซ่อนแก้ว) 

เพื่อเดินทางไปประสานงานกับ
คณะฯ ของอาจารย์วรวิทย์ที่เขาค้อต่อไป

..............

วันที่ 23 เมษายน 2554

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
ได้ออกเดินทางจากวัดบวรนิเวศ หลังเสร็จพิธีถวายผ้าป่าสร้างพระพุทธรูป ที่จ.เลย
ไปยังโรงหล่อพุทธรังษี อ้อมใหญ่
เพื่อร่วมพิธีบวงสรวง หล่อพระพุทธรูปขนาดใหญ่ โดยพระอาจารย์ปารมี เป็นประธานในพิธี


รวมพลกันที่ ปั๊มน้ำมันปิโตรนัส ซอยเพชรเกษม 37







กลุ่มฯ(เขากะลา) ไปถึงโรงหล่อพุทธรังษี ประมาณ 18.20 น.


ผู้มาร่วมงาน มากันล้นหลาม เต็มพื้นที่นั่ง




พี่สุดใจ ไปถึงก็เข้าไปกราบพระอาจารย์ปารมี เนื่องจากท่านเมตตาติดต่อโทรถามถึงการเดินทางของกลุ่มฯมาโดยตลอด ด้วยความห่วงใย


คุณแม่แดง ขับรถ พาคณะมาถึงโรงหล่อ เป็นคันแรก ตามมาด้วยรถอาจารย์ Dguy และรถคุณหนุ่ย(อลงกรณ์)








บริเวณเตาหลอมโลหะ















ท้องฟ้าบริเวณงานพิธี หล่อพระ

ภาพนี้เหมือนอยู่บนเขากะลา


อีกมุมหนึ่งของพระนาคปรก

พระพักตร์ของพระพุทธรูปที่หล่อ




เสร็จพิธีสงฆ์ พระอาจารย์ปารมี กล่าวประกาศ เริ่มพิธีวางแผ่นโลหะศักดิ์สิทธิ์ เข้าเตาหลอม








ต้นแบบพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ที่จะจัดสร้างต่อไป




ประกาศเริ่มพิธีเททองหล่อพระ
เริ่มพิธีเททองหล่อพระพุทธรูป







ประกายแสงสีทองจากเบ้าหลอม จับผ้าเหลืองอร่ามตา


























เสร็จพิธีเททอง พระอาจารย์ปารมี แจกดอกไม้ ข้าวสาร งาดำ ให้ผู้มาร่วมงานเพื่อเป็นสิริมงคล




เสร็จพิธี ถ่ายรูปร่วมกันไว้เป็นที่ระลึก








กรวดน้ำอุทิศกุศล


แจกพระหลวงปู่ทวด


แถวยาว รอรับพระ


























พระอาจารย์ทักทายผู้มาร่วมงาน


ก่อนกลับ พระอาจารย์ปารมี ได้เมตตาสนทนากับกลุ่มฯ(เขากะลา)ที่ได้มาร่วมงานในวันนี้เป็นกรณีพิเศษ
ซึ่งบทสนทนาได้ถ่ายเป็นคลิปvdo ไว้


พระอาจารย์ จากวัดโพธิ์ มาร่วมพิธีและแจกพระหลวงปู่่ทวด


แจกพวงมาลัย









สนทนากับพระอาจารย์ก่อนกลับ






พระอาจารย์ปารมีนำภาพถ่ายงู พร้อมกับการปรากฏของแสงประหลาดมาให้ชม



ถ่ายรูปร่วมกับพระอาจารย์






































คณะกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)  ได้มีโอกาส   กราบสนทนากับพระอาจารย์ปารมีอย่างใกล้ชิด ซึ่งท่านเมตตากับทางกลุ่มฯ อย่างยิ่ง โดยท่านได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ทางกลุ่มฯได้รับทราบ และทางกลุ่มได้กราบเรียนให้พระอาจารย์ทราบถึงเรื่องราวที่ทางกลุ่มฯกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ให้พระอาจารย์ทราบด้วยซึ่งคงจะได้มีการนำคณะเดินทางไปกราบพระอาจารย์ที่วัดพระธาตุผาแก้วอีกครั้งในโอกาสต่อไป 

ขอขอบคุณ และขออนุโมทนากับอาจารย์ MOUNTAIN ที่ได้นำภาพในพิธีมาให้เพื่อนสมาชิกได้รับชม  และร่วมอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ




...........................

ข้อมูลเพิ่มเติม

ภาพบรรยากาศงานเททองหล่พระพุทธรูป โรงหล่อพุทธรังษี พระอาจารย์ปารมี เมื่อ 23/4/54


......................

เทพบุตรชาวดิน



  • ผู้ดูแลเว็บไซด์







  • กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย







  • ระบบสมบูรณ์














  • ********








  • วันที่ 14 พฤษภาคม 2554
    กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
    เข้าร่วมพิธีบวงสรวงพระพุทธรูปหินอ่อน
    โดยพระอาจารย์ปารมี เ้จ้าอาวาสวัดพระธาตุผาแก้ว
    สร้างถวายไว้ ณ เสถียรธรรมสถาน สาวิกาวิทยาลัย




    |



    |


    |



    พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา เป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักมาจากหินอ่อนของประเทศอิตาลี มีน้ำหนักรวม 4000 กก. ประดิษฐานไว้ ที่ชั้น4 ของอาคารสาวิกาสิกขาลัย ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง


    |



    |



    บรรยากาศในตอนเช้าก่อนเริ่มพิธี
    |


    |



    พระอาจารย์ปารมี กับพระอาจารย์สมจิตร
    สนทนากับญาติธรรมก่อนเริ่มพิธี

    |

    |

    |

    เริ่มพิธีบวงสรวงในเวลา 8.30 น.
    โดยมีแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ร่วมเป็นประธานในพิธี


    |

    |

    |

    |

    |

    |

    |

    |

    |

    |



    |

    |

    |

    |

    |

    |

    |

    |

    |

    |

    |

    |

    พระอาจารย์ปารมี สนทนากับกลุ่มฯ เขากะลาหลังจากเสร็จพิธี

    |

    |

    |

    |


    |
    พระอาจารย์สมจิตร สนทนากับกลุ่มฯ เขากะลา

    |
    |
    |
    |

    ข้อมูลจาก www.ufokaokala.com

     กลุ่มฯ เขากะลา เข้าร่วมพิธีบวงสรวงพระพุทธรูปหินอ่อน ณ เสถียรธรรมสถาน 14-5-54

    ..........................




    กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) 
    เข้าร่วมพิธีอันเชิญพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานขึ้นสู่ยอดพระธาตุเกตุแก้วจุฬามณีศรีมงคล ณ วัดศรีมงคล บ้านหินกลิ้ง อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ 17-05-11
     
    สมาชิกฯ ที่ร่วมเดินทาง

    - คุณดุษฐี คุณโยษิตา คุณเอมอร คุณอลงกรณ์ อ.โสภา (สมาชิกเขากะลารุ่น1)
    - อ.ยูคริน เทพบุตรชาวดิน (สมาชิกเขากะลารุ่น2)
    - อ.ตั้น อ.แอน อ.โอม อ.ปุ๊ (สมาชิกเขากะลารุ่น3)

    ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ในวันที่ 16-05-11
     
    เดินทางต่อไปยังวัดพระธาตุผาแก้ว 
    ซึ่งทางวัดกำลังปล่อยโคมลอยพอดี
     
     




    บรรยากาศยามเช้าที่ วัดพระธาตุผาแก้ว

    ร่วมกันถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์
     
     
     
    http://ufokaokala.com/index.php?topic=3515.msg27985#msg27985

    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น