วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

พระอาจารย์ใหญ่ พระครูมงคลธรรมโสภณ วัดแจ้งเมืองเก่า ปราจีนบุรี

พระอาจารย์ใหญ่  หรือพระครูมงคลธรรมโสภณ
วัดแจ้งเมืองเก่า  

อำเภอประจันตคาม   จังหวัดปราจีนบุรี
























ท่านเป็นพระปฏิบัติ   ท่านมีเมตตากับผู้ที่เดินทางไปกราบท่านทุกคน

ได้มีโอกาสเดินทางไปกราบนมัสการท่านเป็นครั้งแรก   
ที่วัดหลิงจิวซาน  พัฒนาการ 30
ซึ่งพระอาจารย์ใหญ่ท่านเดินทางมาที่วัดแห่งนี้







กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

จึงได้มีโอกาสไปกราบท่าน 

วันนั้น  ท่านได้รับทราบว่ากลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
ได้ติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้   ท่านจึงได้ซักถามถึงการมาติดต่อนั้น 
มีความเป็นมาอย่างไร

จึงได้กราบเรียนให้ท่านได้ทราบในเบื้องต้น  และท่านกล่าวว่า 
ท่านจะลองเช็คดู  ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ?








จากนั้น  ท่านกล่าวว่า  จะเช็คให้ว่ามีมนุษย์ต่างดาวมาติดต่อด้วยจริงหรือไม่?


ท่านจึงให้แบมือและยื่นออกไป  

จากนั้นท่านก็ใช้ปากกาจากในย่าม 
จี้ลงที่กลางมือ  พร้อมทั้งเพ่งมองไปที่แท่งปากกานั้น  



สักพักท่านก็กล่าวว่า

 มีพลังงานจากจักรวาลส่งมาจริง  ซึ่งท่านสัมผัสพลังงานนั้นได้ 




อาจารย์ ukrin  ก็เดินทางไปกราบพระอาจารย์ใหญ่ด้วย 
และร่วมรับฟังเรื่องมนุษย์ต่างดาวที่ท่านได้เล่าให้ฟัง








กราบนมัสการพระอาจารย์ใหญ่  
ครั้งที่ 2


ได้รับทราบว่า  พระอาจารย์ใหญ่  จะเดินทางมาทำบุญที่บ้านลูกศิษย์ของท่าน  ที่ย่านรามคำแหง  ดังนั้น  จึงได้เดินทางไปกราบท่าน  ในครั้งนี้  ท่านได้เมตตาเล่าเรื่องที่ท่านได้ส่งจิตไปเยือนเขากะลาให้รับทราบด้วย

ท่านกล่าวว่า  ท่านได้เข้าฌาณ  และไปสำรวจเขากะลามาแล้วทางสมาธิจิต    พบว่าที่เขากะลาแห่งนี้    มีการทำงานของกลุ่มมนุษย์ต่างดาว จำนวนมาก  และอาจารย์ใหญ่   เรียกชื่อตามรหัสที่มนุษย์ต่างดาวกลุ่มนั้นแจ้งไว้ (รหัส 455)

และท่านได้ขอทดสอบพลังงานอีกครั้ง  

และเขียนรหัสด้วยเทียน   ใส่ที่มือด้วย








วันที่ 1  ตุลาคม  2550

ในตอนเช้า   พระอาจารย์ใหญ่เล่าว่า   มีจานบินขนาดเล็ก   มาลงจอดที่ลานปูนหน้าโรงเรียนปริยัติธรรม  วัดแจ้งเมืองเก่า

 ตอนนั้นเวลาประมาณ 6  โมงเช้าเห็นจะได้    ขณะนั้น  ท่านอยู่องค์เดียว  ไม่มีพระรูปอื่นตรงบริเวณนั้น 


จานบิน  ลักษณะรูปไข่  ขนาดไม่ใหญ่มากนัก   ด้านบนมีใบพัดเล็ก ๆ  ติดอยู่
( ดังภาพที่ท่านได้เขียนให้ไว้)


ขณะที่ท่านเดินออกมา  จานบินได้ลอยลงมาจอดแบบไร้เสียง  อาจารย์ใหญ่ยืนมองดูลักษณะของจานบิน  พบว่ามีสีคล้ายไข่ไก่  ไม่มีหน้าต่าง 
สูงประมาณ 2 เมตรครึ่ง  ยาวประมาณ 3 เมตรครึ่ง
จอดอยู่ประมาณ 8 - 10 นาที 

จากนั้น  ก็ส่งข้อความมทางจิตให้ท่านทราบว่า 



มาเยี่ยมท่าน และบอกว่ามาจากดาว  รหัส  448
พร้อมทั้งขอให้ท่านอาจารย์ใหญ่   

ทำลานจอดจานบินไว้ให้ด้วย 
จากนั้น  จานบินก็ลอยขึ้นสูง  ในระดับตรงขึ้นไป  สักประมาณ 10  เมตร  ก็หายวับไปต่อหน้าพระอาจารย์ใหญ่
พระอาจารย์ใหญ่ จึงทำการพ่นสีรอบบริเวณที่จานบินลงจอด   
 ตรงกลางพ่นคำว่า  " UFO" 

โดยพ่นสีเขียนว่ายูเอฟโอ



(ตามภาพ)









จากสถานที่จริง  วัดแจ้งเมืองเก่า  พ่นสีตรงบริเวณที่จานบินลงจอด









พระอาจารย์ใหญ่บอกว่าช่วงที่ลอยขึ้น  เห็นตัวอักษรด้านใต้ยาน  เขียนเป็นภาษาที่อ่านไม่ออก  แต่ท่านจำได้ จึงเขียนให้ดูด้วย 
กราบขอบพระคุณ  พระอาจารย์ใหญ่เป็นอย่างสูง  ที่ได้เมตตานำข้อมูลมาเล่าให้กลุ่มประสานงานฯ  และเพื่อน ๆ สมาชิกได้รับฟัง


ซึ่งอาจมีโอกาสได้รับฟังจากท่านอีกครั้ง  เพราะอาจารย์พีท ทองเจือ และทีมงาน  ตีสิบ  ได้เดินทางไปสัมภาษณ์พระอาจารย์ใหญ่มาแล้ว และท่านได้เล่าเรื่องที่ท่านติดต่อมนุษย์ต่างดาวให้ทางรายการได้รับฟัง  และบันทึกเทปด้วย

ซึ่งหากจะออกอากาศวันไหน  อาจารย์พีทจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่งค่ะ



พระอาจารย์ใหญ่  ท่านได้ให้สัมภาษณ์  ถึงเรื่องที่ท่านติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว  ลงในหนังสือ  โหรามหาเวทย์  ปีที่ 1  ฉบับที่  3  เดือนพฤษภาคม  2550  มีข้อความดังนี้



จากหนังสือโหรามหาเวทย์ ฉบับที่ 3 













วันที่ 5 สิงหาคม 2551 






กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ได้เดินทางไปกราบพระอาจารย์ใหญ่ 
ณ วัดแจ้งเมืองเก่า  ประจันตคาม  จังหวัดปราจีนบุรี
















โดยท่านได้เมตตาพาไปชมสถานที่  ที่จานบินลงจอด 
และท่านได้พ่นสีไว้ที่พื้นบริเวณที่จานบินลงจอด   และตัวอักษรคำว่า  UFO  ด้วย







และท่านยังได้ทำเสาสัญญาณ   ไว้ด้านข้างลานจอดจานบินด้วย  

ตามที่มนุษย์ต่างดาวสื่อสารบอกไว้ว่า  เพื่อใช้เก็บพลังงาน  

โดยท่านบอกว่า  ด้านล่างได้ฝังโทรศัพท์มือถือที่เสีย ๆ จำนวนหลายเครื่อง

ไว้ในดินด้านใต้เสาสัญญาณนี้  
ไม่ทราบว่ามนุษย์ต่างดาวให้ใส่ลงไปทำไม







 




ซึ่งต่อมาภายหลัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามกุฏราชกุมาร ท่านได้เสด็จเป็นการส่วนพระองค์  มาที่วัดนี้เป็นประจำ   จนได้สร้างลานปูนขนาดใหญ่  เป็นสนามบินสำหรับใช้จอดเฮลิคอปเตอร์ส่วนพระองค์  ไว้ด้านหลังศาลารับเสด็จแห่งนี้







และเมื่อสนทนากับท่านเป็นเวลานานหลายชั่วโมง  ได้มีลูกศิษย์มาเชิญท่านไปห้องกระจายเสียงวิทยุชุมชม  เสียงตามสาย  ที่มีห้องออกอากาศ  ห้องส่งสัญญาณ  ซึ่งอยู่ภายในวัด


ท่านจึงอนุญาต  ให้เข้าไปดูการออกอากาศเสียงตามสาย  การบรรยายธรรม  โดยพระอาจารย์ใหญ่  ให้ประชาชนได้รับฟัง









ก่อนเดินทางกลับ  พระอาจารย์ใหญ่ท่านกล่าวว่า  
วันที่ 8  สิงหานี้  ว่างกันไหม?  
ไปร่วมกันทำพิธีที่ตึกใบหยก  ชั้นบนสุด  เพื่อให้เกิดความสุข  ความสงบแก่โลกใบนี้   โดยวันที่  8  เดือน 8  เป็นวันที่ฤกษ์ดี ท่านต้องไปทำพิธีบนยอดสุดของตึกใบหยก  ถ้าหากว่างก็ไปร่วมกันในพิธี

กลุ่มประสานงานฯ  ได้กราบเรียนท่านว่า  จะเดินทางไปร่วมในพิธีที่ตึกใบหยกวันที่ 8 สิงหาคมนี้ด้วย

จากนั้น  จึงกราบลาท่านเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ



นอกจากกลุ่มที่เคลื่อนไหวเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวหรือว่าพบเห็น UFO ในเมืองไทยแล้วยังมีโอกาสทราบว่า มีบุคคลสำคัญอีกคนหนึ่งที่มีความสามารถพิเศษในการติดต่อกับมนุษย์ต่าวดาวได้คือ พระครูมงคลธรรมโสภณ หรือ “หลวงพ่อใหญ่” แห่งวัดแจ้งเมืองเก่า อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี


“หลวงพ่อใหญ่” สามารถติดต่อกับมนุษย์ผู้มาจากโลกอื่นได้คล้ายกลุ่มเขากะลา หรือ ดร.เทพนม เมืองแมน และอีกหลาย ๆ กลุ่มในเมืองไทย ซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งใน 100 ครอบครัวที่ระบบแจ้งให้ทราบก็เป็นได้ หลวงพ่อใหญ่เล่าว่าท่านเริ่มติดต่อกับมนุษย์จากโลกอื่นครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2540 ซึ่งเป็นเวลาใกล้เคียงกันกับท่านคุณพ่อ จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน แห่งเขากะลา (ท่านติดต่อครั้งแรกเมื่อ 2 ธันวาคม 2540 ) ครั้งนั้น ขณะที่ทำพิธีบวงสรวงอัญเชิญเทวดาเพื่อจะประกอบพิธีกรรมบางอย่างอยู่ ปรากฎว่ารู้สึกเหมือนมีพลังลึกลับอะไรบางอย่างดึงดูดให้ท่านเดินออกไปบริเวณหลังวัด เมื่อไปถึงปรากฎว่ามีจานบินจอดรออยู่ พร้อมกับมีมนุษย์ตัวเล็ก ๆ สูงราว 150 ซม. ศรีษะขนาดปกติไม่มีผม เท้าติดกัน ดูเหมือนไม่มีเท้า ใส่ชุดรัดรูปสีเงิน ยืนรอท่านอยู่

“หลังจากที่อาตมาได้พบกับพวกเขาแล้วก็แทบจะไม่ต้องคุยกัน เพราะเหมือนกับเราสื่อสารกันด้วยจิต เขาใช้มือทำท่าทางประกอบคำอธิบายต่าง ๆ แล้วก็เขียนแปลนก่อสร้างอาคารหลังหนึ่งคล้าย ๆ กับเก๋งจีน ส่งให้กับอาตมาด้วยมือ แล้วบอกว่า (ทางจิต) ให้รีบสร้าง ต่อไปจะมีผู้มีบุญญาธิการมาพักและเยี่ยมเยียนที่นี่ แล้วพวกเขาก็มาพบหลวงพ่อบ่อย ๆ ส่วนมากมาตอนกลางคืนหรือขณะที่นั่งสมาธิ แล้วพาหลวงพ่อไปเที่ยวชมเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น สึนามิ เหตุการณ์วางระเบิด แม้แต่ไปชมเมืองบาดาล บางครั้งก็ไปพบพระเถระที่ดับขันธ์ไปแล้ว การเดินทางเป็นการเดินทางไปด้วยจิต ท่านบอกว่าพวกเขาคิดเร็วมาก เร็วกว่าเราประมาณ 100 เท่า พวกเขาคล้ายกับผู้ที่จัดอยู่ในประเภทเทวตาภูมิ คือไปไหนมาไหนด้วยจิต จะมีร่างก็ได้ จะไม่มีร่างก็ได้ เปิดมิติได้ เปิดประตูเวลาได้ เปลี่ยนเวลาสถานที่ได้อย่างง่ายดาย ติดต่อสื่อสารกันด้วยจิต
และที่สำคัญไปกว่านั้น หลังจากนั้นท่านก็นำแปลนที่ได้นำไปก่อสร้าง เมื่อสร้างเสร็จก็พอดีมีเจ้านาย ซึ่งเป็นพระราชวงศ์ชั้นสูงเสด็จมาเยี่ยมที่วัดนี้ และได้ประทับ ณ ศาลาหลังนั้น ก็เป็นจริงดั่งคำทำนายทุกประการ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระบารมีมิเพียงแต่จำกัดเฉพาะพวกเราชาวไทยเท่านั้น แต่ก็ได้ปกคลุมแผ่ไพศาลไปไกลจนสุดขอบจักรวาลเลยทีเดียว!!!

................




วันที่ 8 สิงหาคม  2551





กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) หลายท่าน 
ได้เดินทางไปยังตึกใบหยก  ตั้งแต่ตอนเช้า 

เพื่อร่วมพิธีกับพระอาจารย์ใหญ่









ได้ขึ้นไปชั้นบน   เพื่อรอพระอาจารย์ใหญ่ และคณะฯ ผู้ร่วมพิธี ที่กำลังทะยอยเดินทางมา




















พระอาจารย์ใหญ่  พระครูมงคลธรรมโสภณ  วัดแจ้งเมืองเก่า 
ท่านได้เดินทางมาถึงพร้อมญาติโยม  ที่มาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก




จากนั้น  พระอาจารย์ใหญ่ก็นำผู้ร่วมพิธี  ขึ้นไปยังดาดฟ้าของตึกใบหยก
  เพื่อทำพิธีกำจัดคลื่นพลังงานที่จะก่อภัยพิบัติต่อกรุงเทพฯ

ถึงเวลาทำพิธี   ทุกคนทำจิตสงบ  โดยมีพระอาจารย์ใหญ่ท่านเดินนำหน้า  แล้วสวดภาษาบาลี 
พร้อมทั้งนำสิ่งมงคลโปรยไปโดยรอบ  จากดาดฟ้าตึกใบหยกลงมา 
พร้อมแผ่เมตตาร่วมกัน  เพื่อกำจัดคลื่นพลังงานที่ไม่ดี  ที่จะก่อให้เกิดภัยพิบัติขึ้นในกรุงเทพฯ


 



หลังจากเสร็จพิธี  ก็ได้สนทนากับพระอาจารย์ใหญ่ 
ท่านขอบใจทุกคนที่มาร่วมกันแผ่คลื่นพลังงานที่ดีในวันนี้

หลังจากนั้น  ก็กราบลาพระอาจารย์ใหญ่  เดินทางกลับ
 
..........................



MOUNTAIN

  • ฝ่ายประสานงานเพื่อการเตือนภัย
  • ระบบสมบูรณ์
  • ********
  • อนุโมทนาจากสมาชิก 657
  • กระทู้: 1916
  • จะสงบท่ามกลางความวุ่นวายได้ก็ต่อเมื่อเข้าใจขันธ์๕


วันอาทิตย์์ที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๓
กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) จำนวน ๕ ท่าน



- อาจารย์นิธิกานต์
- อาจารย์สุดใจ
- อาจารย์เม้าท์
- อาจารย์แตง
- เทพบุตรชาวดิน


ได้เดินทางไปยัง วัดแจ้งเมืองเก่า  อำเภอประจันตคาม   จังหวัดปราจีนบุรี ซึี่่งก็เป็นการไปแบบเป็นการด่วน แทบตั้งตัวกันไม่ติดอีกครั้งนึง ที่ทำกันอย่างกระทันหันจริงๆมีภาพบรรยากาศพร้อมทั้งเรื่องราวตื่นเต้นที่ชวนให้ติดตามกัน รอจารเม้าท์มาขยายให้ัฟังกันครับ




พระอาจารย์ใหญ่ ที่คณะเดินทางไปกราบ




เป็นทริปที่กระทันหันมากๆ ตามที่จารย์หนุ่ย(เทพฯ) กล่าวไว้จริงๆ
แต่ก็มีข้อมูล มารอล่วงหน้า อยู่ก่อนแล้ว
และแล้ว เมื่อถึงเวลา เช้าวันอาทิตย์ที่ ๑๘ เมษา ๕๓
ผมกำลังจะก้าวเท้าออกจากบ้าน ไปเดินเตร็ดเตร่แถวคลองถม
ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นเสียงของอาจารย์สุดใจ
บอกว่าอาจารย์นิธิกานต์ จะไปกราบ พระอาจารย์ใหญ่ ที่ปราจีนบุรี
ให้รีบเดินทางมาขึ้นรถโดยทันที อย่ารีรอ
ระบบจัดสรร ไว้ได้แบบเนียนๆ อย่างลงตัว
๑๐.๐๐ น. ต้องมารวมตัวกันที่หน้าซอยรามคำแหง ๔๒

ตรงเวลาไม่ขาดไม่เกิน แล้วคณะก็ขึ้นนั่งบนยานสี่ล้อ มุ่งสู่ประจันตคาม ปราจีนบุรี ทันที
โดยมีอาจารย์นิธิกานต์ เมตตาขับยาน นำทาง






แวะรับประทานอาหารกลางวันในตัวเมือง






















เสร็จจากอาหารกลางวัน
พวกเราก็ออกมาซื้อพวงมาลัย ดอกบัว
เพื่อเตรียมไปกราบสรงน้ำพระอาจารย์ใหญ่















ไปถึงที่พักของพระอาจารย์ ประมาณบ่ายโมงเศษ
พระอาจารย์ยังไม่ว่าง เพราะกำลังควบคุมการขับร้องเพลงธรรมะ
เพื่อออกอากาศ จากสถานีวิทยุชุมชนวัดแจ้งเมืองเก่า
โดยมีเพลงธรรมะ ที่ถูกแต่งโดย พระอาจารย์ใหญ่ ไม่ต่ำกว่า ๓๐๐ เพลง
หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันออกอากาศ


ในระหว่างที่รอ ก็ขอเก็บภาพภายในอาคารที่พักไปพลางๆ
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา


หลังจากรอพระอาจารย์ได้สักพัก ท่านก็ออกมาทักทาย
พร้อมหยิบขนมปังสังขยา จากอุทัยธานี มาให้พวกเราทานกันระหว่างรอ


 












ขนมปังสังขยา อุทัยธานี  ซึ่งอาจารย์แตง เคยพูดถึงขณะกำลังเดินทาง แล้วก็ได้มาเจอของจริง






พระอาจารย์ใหญ่   ท่านได้สนทนากับกลุ่มประสานงานฯ พักใหญ่  ท่านก็เข้าไปทำธุระต่อที่ห้องอัดเสียง





















ภาพถ่ายภายในกุฎิของพระอาจารย์ใหญ่





























ภายในบริเวณวัด สระน้ำพญานาค อาคารแปดเหลี่ยม  ลานฝึกดวงตาสวรรค์ และลานพญาครุฑ
ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ห้องเก็บดาบ(ยาว ๓ เมตร) ถวายท้าวสักกะเทวราช   มนุษย์ต่างดาว นำมาให้







ผมได้นำผงจตุรธาตุ ที่บรรจุอยู่ในหลอดตะกรุดฝาเกลียวให้พระอาจารย์ใหญ่
ช่วยพิจารณาถึงพลังงานของจตุรธาตุ

พระอาจารย์ใหญ่ รับไปแล้วบอกว่า ขอเวลาหน่อย เดี๋ยวจะมาบอก
แล้วท่านก็กำหลอดใส่จตุรธาตุติดตัวท่านไป
โดยให้พวกเราไปนั่งรอในห้องพระที่ท่านใช้รับรองต้อนรับแขกและศิษย์ที่มาหาท่าน

พวกเรานั่งเริงร่ารับลมเย็นที่พ่นออกมาจากเครื่องปรับอากาศในห้อง
จนเวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง
พระอาจารย์ก็เข้ามานั่งที่เก้าอี้ประจำของท่าน

พร้อมกับหยิบหลอดบรรจุจตุรธาตุขึ้นมา
ผมเห็นท่านหยิบขึ้นมา ก็รีบเข้าไปสอบถามทันที
ท่านบอกว่า จตุรธาตุนี้ มีพลังเหวี่ยง ดีมาก
สามารถป้องกันรังสี และป้องกันเชื้อไวรัส ได้

แล้วท่านก็มอบหลอดจตุรธาตุ คืนมาให้ผม

ขอกราบพระอาจารย์ที่มีเมตตาช่วยพิจารณาผงจตุรธาตุครั้งนี้ด้วยครับ








หลบมาขยายระบบ อีกมุมหนึ่ง



เสร็จจากขยายระบบ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก









เดินไปชมอาคารรวมพระอริยะเจ้า




พระฤๅษีท่านนี้ พระอาจารย์บอกว่า จู่ๆก็มาขอพบ และบอกว่าจะมาลงอักขระยันต์บนดาบท้าวสักกะ
โดยที่พระอาจารย์ก็ งง เหมือนกัน ไม่รู้ว่าท่านทราบได้อย่างไร เพราะดาบท้าวสักกะ ก็เพิ่งได้มาไม่กี่วัน
ยังไม่มีใครรู้เลย

ดังนั้น ยันต์บนดาบท้าวสักกะ ที่เห็นกันในภาพ เป็นผลงานของท่านฤๅษีเกษแก้ว นี่เอง

พามาที่ห้องพระอริยะอีกครั้งครับ






ระเบียงหน้าห้องพระอริยะ

เสาสื่อสัญญาณกับต่างดาว

ยันต์บนดาบท้าวสักกะ โดยฤๅษีเกษแก้ว

ตั้งทำพิธี เพื่อให้ในหลวงของเรา มีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง หายจากทรงพระประชวร







พระอาจารย์บอกว่า ดาบจริง(พลังงานในดาบ) ท้าวสักกะ มารับไปแล้ว ที่เห็นนี่ เรียกว่า ซากดาบ
รูปเทพ ภายในวัด

















ภายในห้องปฏิบัติการ ของพระอาจารย์
พวกเราได้เข้าไปทั้งหมด แล้วท่านก็เรียกเข้าไปนั่งใกล้ๆทีละคน
ผมเป็นคนแรกที่ถูกเรียกเข้าไป เพราะเป็นคนหน้าใหม่
เพิ่งมาเป็นครั้งแรก ท่านคงอยากทำความรู้จักให้มากกว่าคนที่เคยมาแล้วมั๊ง

เมื่อพระอาจารย์ให้ผมเงยหน้าลืมตา ท่านก็สแกนเข้าไปในดวงตาซ้ายทันที ด้วยสายตาของท่าน
แล้วบอกให้ผมหันหลัง  พร้อมกับพูดว่า สมองข้างซ้ายของผม อ่อนแอไปนิด
เดี๋ยวจะปรับให้  อาจจะเจ็บนิดหน่อยนะ

ผมได้แต่รับคำว่า ครับ 
สิ้นเสียง ครับ  ท่านก็จับที่ต้นคอผม ตรงบริเวณที่เชื่อมกับแกนสมอง
แล้วใช้ปลายมีดพระขรรค์ ด้ามเขากวางดำ จิ้มไปที่เนื้อ จนปลายมีดฝังเข้าไปในเนื้อ
กึ๊ก แรกที่เข้าไป ทำให้เสียวแปล๊บ เจ็บเล็กน้อย เหมือนโดนมดกัด
แล้วท่านก็ดันปลายมีดเข้าไปอีกกึ๊ก  กึ๊กที่สองไม่ค่อยรู้สึกเจ็บแล้ว
นึกว่าคงพอแล้วสำหรับการฝังปลายมีดลงไปในเนื้อ
แต่เหตุการณ์ไม่ได้ยุติแค่นั้น ท่านกลับดันปลายมีดให้ลึกลงไปอีก เป็นกึ๊กที่ ๓

มีเสียงใครบางคนพูดแทรกเข้ามาในหูว่า โห ทะลุเข้าไปในกระดูกเลย
ผมแอบลืมตาดู เพื่อหาต้นเสียงที่มา
แต่ไม่พบต้นเสียงนั้น พบแต่สีหน้าของคณะที่นั่งดูอยู่ โดยเฉพาะอาจารย์นิธิกานต์
มีสีหน้าแบบเสียวสยองสุดขีด
เหมือนกำลังนั่งดูหนังสยอง ศุกร์ ๑๓ ยังไงยังงั้นเลย









ห้องพระอริยะ
















































ภายในบริเวณวัด
































ลานเปิดดวงตาสวรรค์


ช่วงบ่าย ได้มีการสนทนากับพระอาจารย์ใหญ่

การสนทนา สลับกันกับการช่วยสงเคราะห์ ขันธ์ห้าของแต่ละคน
โดยพระอาจารย์จะมีอุปกรณ์ในการช่วยสงเคราะห์ แตกต่างกันไป
ตามแต่ชนิด และอาการของผู้ที่มาให้ท่านช่วย

บางคนท่านมองสแกนผ่านๆ ท่านก็ทราบได้ว่ามีอะไรผิดปกติอยู่ในตัว
แล้วท่านก็จะแก้ไขให้ ตามกรรมวิธี แลอุปกรณ์ที่ท่านเตรียมไว้แล้ว เช่น
ฆ้อนกระบอกไม้ไผ่ตัน หินหยก ก้อนใหญ่ พระขรรค์ด้ามเขากวาง
น้ำมันศักดิ์สิทธิ์กับไม้คฑาพญานาคงิ้วดำ


ปลายมีดพระขรรค์ฝังลึกอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
ก็ถูกดึงออกจากผิวหนังบริเวณต้นคอ
พระอาจารย์ใช้น้ำมันว่าน คลึงบริเวณปากแผล
เพื่อให้ปากแผลสมานติดกัน

ขณะคลึงน้ำมันอยู่นั้น ท่านก็หยุดดูแผลเป็นระยะๆ
พร้อมพูดว่า แผลยังไม่สมาน
ทำเอาหลายคนที่นั่งอยู่ ต้องช่วยลุ้นให้แผลสมาน ให้กลับเหมือนเดิมให้ได้

หรือว่าพระอาจารย์จะลองใจดูว่า ผมจะมีความรู้สึกอย่างไร
ในความรู้สึกของผมตอนนั้น เฉยๆ ครับ
เพราะมันเป็นเรื่องของขันธ์ห้า ที่ถูกกระทำ
เราจะไปทุกข์กับมันทำไม  ทุกข์ไปก็ทุกข์ฟรีครับ
เพราะเหตุมันเกิดไปแล้ว มันก็ต้องเป็นไปของมันอย่างนั้นเอง
มันเป็นเช่นนั้นเองจริงๆ
แล้วเราจะไปทุกข์ฟรีทำไม

ขณะที่ความรู้สึกเฉยๆเกิดขึ้น
ก็ได้ยินเสียงพระอาจารย์พูด ตัดความรู้สึกเฉยๆ ขึ้นมาว่า
เดี๋ยวใช้คาถา พระโมคคัลลา ประสานแผลให้
แล้วท่านก็พูดต่อเนื่องว่า เอาละ แผลสมานแล้ว
ใช้ได้แล้ว

เมื่อปฏิบัติการ เจาะคอ ผ่านพ้นไป
ผมก็หันหน้ามากราบท่าน

ยังครับ ยังไม่หมดปฏิบัติการแต่เพียงเท่านี้
ที่ทราบเพราะท่านบอกว่า
ให้ถอดเสื้อแล้วไปนอนคว่ำที่เตียงพยายม เอ๊ย.. พยาบาล
เอาแล้วซี  จะเกิดอะไรขึ้นกับธาตุสี่ ขันธ์ห้า ที่มีชื่อสมมุติว่า MOUNTAIN กันอีกหละ
มาติดตามกันต่อไป

หมายเหตุ  รอภาพประกอบการเล่าเรื่องจาก อาจารย์เทพบุตรชาวดิน อยู่นะครับ






หลังจากขึ้นไปนอนคว่ำหน้าเปลือยท่อนบนแล้ว

พระอาจารย์ก็เดินมาดู ท่าทางการนอน

ดูส่วนหัวว่า จะมีโอกาสกระแทกกับ พื้นไม้ที่ยกสูงขึ้นมาทางด้านหน้าไหม



หมอนรองศีรษะ วางรองรับส่วนหัว ได้ถูกที่หรือเปล่า



ที่ไหนได้ เป็นแสงแฟลช จากกล้อง จารแตง กับจารหนุ่ย นี่เอง
รู้สึกว่าทั้งสองท่าน สนใจกับภาพเปลือยด้านหลังของผม มากเป็นพิเศษ

ก่อนที่พระอาจารย์จะเดินเข้ามาจัดฉากการนอนให้ผม

โห.. ฉากนี้สงสัย คงจะดุเดือดไม่แพ้ฉากที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

ผมเห็นแสงแวบวาบ ขึ้นมาหลายครั้ง

เพราะพระอาจารย์ลงมาจัดฉากด้วยตัวท่านเองทีเดียว

ทีแรกนึกว่าแสงมหัศจรรย์จากต่างดาว นึกจริงเกือบตาปลิ้น


เมื่อทุกอย่างเข้าที่

พระอาจารย์เริ่มหยิบปล้องไม้ไผ่ ขนาดน้ำหนักไม่น่าจะต่ำกว่า ๑ กิโลกรัม

มาวางบนแผ่นหลังของผม แล้วหยิบฆ้อน ที่ปลายฆ้อนเป็นปล้องไม้ไผ่ตันขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔ นิ้ว



























เสร็จจากปฏิบัติการแทงแล้วตอก 

ผมมีความรู้สึกตัวเบาขึ้นมาก เดินตัวปลิว นำหน้าทุกคน ตรงไปอาคารพระอริยะ

จนจารแตง ต้องตะโกนทักว่า ทำไมพี่เม้าท์เดินเร็วจัง






สมองมีอาการติดดิสเบรค เล็กน้อย
เหมือนมีสติมากขึ้น
ขอบคุณในความห่วงใยนะครับ


ยาว ๘ นิ้ว  ยกขึ้นมาตีลงไปที่ปลายปล้องไม้ไผ่ อย่างแรง เสียงดั่งสนั่นห้อง
ปังแรก ผ่านไป ผมรู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย ถึงน้อยมาก
ต่อด้วยปังที่สอง  เริ่มตกใจว่า มีปัง ที่สองด้วยหรือ
และปังที่สาม ผิวหนังเกิดอาการชา หารู้สึกเจ็บไม่




พระอาจารย์กล่าวหลังจากเสร็จสิ้นปฏิบัติการครั้งที่สอง ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย

ท่านผู้อ่านลองเดาสีหน้าของผู้ชมในห้องดูนะครับว่า จะเป็นอย่างไร

เพื่อนผม คุณดุสิต(เคยฝังตะกรุดทองกับหลวงพ่อคูณกันมาแล้ว) แวะเข้ามาอ่านเมื่อสักครู่ รีบโทรมาถามว่า

แล้วแผลจากการปักมีดนั้น ก็ไม่เห็นรอยแผลแต่อย่างใด

ผมหันมาตอบว่า รู้สึกกระชุ่มกระชวยเหมือนอายุถอยหลังไปสัก ๒๐ ปี

ว่า การทุบด้วยฆ้อนไม้ไผ่ ผ่านปล้องไม่ไผ่ ลงบนแผ่นหลัง แล้วแถมดัดหลังให้อีกเล็กน้อย

โดยเฉพาะอาจารย์นิธิกานต์ ซึ่งท่านเพิ่งมาเป็นครั้งแรก 

ขันธ์ห้า ของผมนั้น เป็นไงบ้าง อ่านแล้วรู้สึกหวาดเสียว

เป็นการกระจายเลือด ให้เดินสะดวก กระตุ้นเซล ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผมไม่สามารถเห็นสีหน้าท่านได้ ต้องสอบถามจารหนุ่ย จารแตง และจารป้า นะครับ

ผมก็บอกไปว่า ปกติดีครับ 


ปฏิบัติการณ์แรก ผ่านพ้นไปด้วยดี

ตามด้วยปฏิบัติการณ์ที่สอง ของอาจารย์นิธิกานต์(คุณแม่แดง)

พระอาจารย์ได้ปรับ เส้นสาย กระดูกกระเดี้ยว ให้เข้าที่เข้าทาง

ด้วยปฏิบัติการพิเศษ อาการอะไรภายในร่างกายที่ไม่ดี
ไม่สามารถหลุดรอด ดวงตาสแกน ของพระอาจารย์ไปได้




พวกเราที่มาไม่มีใครโดนเผาเลยสักคน

พระอาจารย์บอกว่า ยังไม่มีการใช้ ปฏิบัติการเผา เลยนะ

จึงไม่สามารถอธิบายความรู้สึกออกมาให้รับรู้กันได้

ปฏิบัติการเผา คือ การใช้กสินไฟ ทำให้ฝ่ามือของพระอาจารย์ร้อน

แล้วนำมาสัมผัสผิวหนังของผู้ป่วย เพื่อรักษาอาการป่วยที่ต้องใช้ความร้อนช่วย


มีอยู่ตอนหนึ่ง ผมลืมเล่าไป



ตอนที่พระอาจารย์ จ้องมองที่หน้าผากของผม




แล้วถามว่า จุดดำนั้นมาตั้งแต่เมื่อไร
ผมนึกอยู่สักพัก ก็ตอบกลับว่า
อ๋อ มาได้สัก ๒ ปี แล้วครับ
ผมพยายามเอาออกหลายครั้ง
ทั้งแต้มยา ทั้งขัดถู มันก็ไม่ยอมออก

แล้วท่านก็ให้ไปหยิบดอกไม้มาดอกหนึ่ง
บอกว่าจะทำพิธีรับให้





ทีนี้ก็เป็นอันว่า ขันธ์ห้าของผม มีทั้งเสาอากาศ และเรด้า สมบูรณ์แบบแล้ว

ท่านนำดอกไม้ มาขยี้ที่จุดดำบนหน้าผากของผม

พระอาจารย์บอกว่า อย่า อย่าไปเอาออก

คงได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการที่งานบ้านพุทธามหาเวท ๒๕ เมษา นี้

แล้วดึงเสาอากาศที่ศีรษะ(ต้องมองด้วยตาทิพย์) เชื่อมต่อกับเรด้า (จุดดำที่หน้าผาก)

เขามาอยู่ด้วย มาดี

ใครสนใจก็ไปขอลองใช้อุปกรณ์ชิ้นใหม่นี้ได้ที่งานดังกล่าวนะครับ

เพื่อจะได้นำไปใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพ

มาช่วย เวลาจะทำอะไรให้นึกถึงเขา 

ภาพนี้ คุ้นๆหน้าหลายคน








เข้ามานั่งรอพระอาจารย์ในห้อง ระหว่างรอ ก็ขยายระบบกันไปด้วย




















พระบรมสารีริกธาตุ ที่พระอาจารย์เตรียมไว้ให้พวกเราสรงน้ำกัน




รูปภาพดาบที่ทำถวายท่านท้าวสักกะ







พระอาจารย์แสกนพร้อมกับรักษาให้ทีละคน










สรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ และพระอาจารย์ใหญ่





















หลังจากนั้นก็เดินไปเยี่ยมชม พิพิธภัณท์พระอริยะที่อาคารด้านใน

































ไปชมดาบท่านท้าวสักกะ ซึ่งมีความยาวประมาณ 3 เมตร
















บรรยากาศภายในวัด มองจากมุมสูงบนอาคาร













บรรยากาศโดยรอบ















ปรับจูนคลื่นกัน ก่อนเดินทางกลับ







ข้อมูลเพิ่มเติมชมได้ที่




..........................


MOUNTAIN

  • ฝ่ายประสานงานเพื่อการเตือนภัย
  • ระบบสมบูรณ์
  • ********
  • อนุโมทนาจากสมาชิก 658
  • กระทู้: 1940
  • จะสงบท่ามกลางความวุ่นวายได้ก็ต่อเมื่อเข้าใจขันธ์๕

กิจกรรมของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
เดินทางไปร่วมงานพิธี
เปิดลานดวงตาสวรรค์ที่ 11 (ดวงสุดท้าย)

ณ วัดแจ้ง(เมืองเก่า) ประจันตคาม ปราจีนบุรี

วันเสาร์ที่ ๒๘ สิงหาคม ๕๓
และในเช้าวันอาทิตย์ที่ ๒๙ สิงหาคม ๕๓ กลุ่มฯ(เขากะลา)

ซึ่งมีผู้ร่วมเดินทางไปทั้งสิ้น 11 คน

ได้แวะกราบหลวงพ่อปากแดง วัดพราหมณี นครนายก
จากนั้น ได้ไปกราบพระพิฆเณศ ใหญ่ที่สุดในโลก ที่อุทธยานพระพิฆเณศ นครนายก
และสุดท้าย ได้แวะเยี่ยม บ้านสวนพีระมิด ของ อาจารย์อุบล อ.บ้านนา นครนายก

คณะเดินทางไปรับพี่สุดใจ และคุณวาสนา ที่สถานีรถไฟรังสิต
เป็นฉากใหม่ที่ไม่ซ้ำกับฉากที่ผ่านมา
รถไฟมาถึงสถานี เวลา ๙.๔๐ น.



รถไฟจากนครสวรรค์เทียบชานชาลา สถานีรังสิต




คณะเดินทางมาถึงประจันตคาม เวลาใกล้เที่ยง เข้าที่พัก
แล้วรับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านป้าแต๋ว ส้มตำ ไก่อบ(อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา)
ปูผัดผงกะหรี่ สุกี้แห้ง คอหมูย่าง น้ำตก
จนเวลาล่วงเลยใกล้บ่าย
จึงรีบเดินทางไปวัดแจ้งเมืองเก่า ทันที
พบพระอาจารย์ใหญ่ อยู่ในโบสถ์ กำลังจะเริ่มพิธีสวด

เดินทางไปถึงวัดแจ้งเมืองเก่า

juksawat

  • ฝ่ายประสานงานเพื่อการเตือนภัย
  • ระบบสมบูรณ์
  • ********
  • อนุโมทนาจากสมาชิก 465
  • กระทู้: 868
...












เรื่องเล่า สบาย ๆ สไตล์ .....  จารจุก

ร่วมพิธีสวดพุทธานุภาพเพื่อป้องกันภัยพิบัติ

หลังจากทานอาหารเสร็จ เราก็มุ่งสู่วัดแจ้งเมืองเก่าทันที  ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก  ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบจะ 13.00 น. ซึ่งเลยเวลาที่สวดพุทธานุภาพเพื่อป้องกันภัยพิบัติแล้วเกือบชั่วโมง ..... ทันทีที่จอดรถ ตณะเราก็รีบเดินเข้าไปในโบสถ์เพราะเลยเวลามามากแล้ว  พบพระอาจารย์ใหญ่ท่านนั่งอยู่ในโบสถ์  พิธียังไม่เริ่ม เหมือนท่านจะรอพวกเราชาวเขากะลาอยู่  ท่านเรียกให้พวกเราไปนั่งข้างหลังท่าน  ท่านสนทนาหยอกล้อพวกเราเล่นอยู่สักพัก  ท่านจึงบอกว่าให้เริ่มทำพิธี  ก่อนเริ่มทำพิธีเล็กน้อย  ท่านให้พี่สุดใจไปยกหินสะท้อนแสงกลมๆ ลูกใหญ่ๆ ที่ว่างอยู่บนพานหน้าพิธี  โดยที่ทุกคนก็ไม่รู้ว่าให้ไปยกทำไม  ต่อจากนั้นก็ให้คนประมาณ 7 คนไปวางพวงมาลัยบนแท่นพิธี  โดยมีพี่เม้าท์เป็นตัวแทนกลุ่มไปวางพวงมาลัย  แล้วก็เริ่มให้ตัวแทนแต่ละกลุ่มกล่าวนำสวดแล้วให้ทุกคนกล่าวตาม  ท่านพระอาจารย์ใหญ่ท่านหันหลังมาทางผมแล้วยื่นกระดาษให้ 1 แผ่น ให้ผมเป็นตัวแทนของกลุ่มเขากะลากล่าวนำสวดด้วย  หลังจากทุกคนกล่าวนำสวดจบ ท่านก็ท่องมนต์อยู่สักพัก  คาถาที่ท่านท่องรัวและเร็วมาก จนผมฟังไม่ทัน  แต่ทุกคนรู้สึกได้ว่า มีพลังลงมาแรงมากตอนที่ท่านสวด พอท่านสวดเสร็จท่านก็บอกว่าเป็นอันเสร็จพิธี
















เริ่มพิธี
















...




กิจกรรมหลังสวดพุทธานุภาพเพื่อป้องกันภัยพิบัติ

การสวดพุทธานุภาพเพื่อป้องกันภัยพิบัติครั้งนี้  ท่านพระอาจารย์ใหญ่บอกว่าเป็นกิจกรรมเฉพาะกิจ  ไม่ได้บอกใครมาก  พีธีนี้เคยกระทำมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2551 บนยอดตึกใบหยก ทาวเวอร์  คราวนั้นก็มีสมาชิกกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา) ไปร่วมด้วย  คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน  หลังจากเสร็จสิ้นพิธีในวันนี้ พระอาจารย์ท่านก็ให้ทุกๆคน  ช่วยกันยกเครื่องไหว้บนแท่นพิธีเก็บเข้ากุฎิ  ก่อนที่จะไปรวมตัวกันที่ลานดวงตาสวรรค์ที่ 11 เพื่อร่วมพิธีเปิด

งานนี้ คุณดุสิต เป็นผู้รับบทหนักที่สุด  เพราะที่คุณดุสิตยก เป็นหินแกะรูปหลวงปู่เทพโลกอุดร หนัก 11 กิโลกรัม











...

ไปยังลานดวงตาสวรรค์



ก่อนร่วมพิธีเปิดลานดวงตาสวรรค์ที่ 11
เมื่อพวกเราช่วยกันยกของร่วมพิธีเข้าไปเก็บในกุฎิท่านพระอาจารย?ใหญ่แล้ว  พระอาจารย์ท่านก็ให้พวกเราไปรอที่ลานดวงตาสวรรค์ที่ 11 กัน  เดี๋ยวท่านจะตามไป  ขอรับแขกที่มาหาท่านก่อน ....  เราเห็นว่าแขกมีจำนวนมากคงต้องใช้เวลา  จึงเดินไปที่โรงเรียนปริยัติธรรมฯกันก่อน ซึ่งก็อยู่ข้างๆวัดนั่นเอง  ที่แห่งนี้เป็นที่พักของผู้ที่มาปฎิบัติธรรม  ครั้งแรกพระอาจารย์จะให้พวกเรามาพักผ่อนนอนกันที่นี่  แต่เห็นเป็นการไม่สะดวกก็เลยขอไปนอนที่รีสอร์ทกันดีกว่า อีกทั้งคุณโอบอุ้มสมาชิกกลุ่มเราที่มาปฎิบัติธรรมที่นี่ก่อนหน้านี้  ได้เคยเล่าให้ฟังว่า ได้ยินเสียงเด็กมาวิ่งเล่นกันจนดึกจนดื่นไม่ยอมนอน  นึกว่าเป็นเณร  ที่ไหนได้  รุ่งเช้าจึงทราบว่า เณรพักผ่อนนอนหลับตั้งแต่ 3 ทุ่มแล้ว

ที่หน้าโรงเรียนปริยัติธรรมฯแห่งนี้  มีศิลปะปูนปั้นที่สวยงามมากมาย  มีลาน ufo ด้วย  ซึ่งพรัอาจารย์เคยเล่าให้ฟังว่า เคยมีจานบินของมนุษย์ต่างดาวมาลงจอด ณ ที่แห่งนี้  และที่สำคัญ บนชั้นที่ 3 ของโรงเรียนปริยัติธรรมฯแห่งนี้  มีห้องพิพิธภัณฑ์รูปเหมือนพระอริยะมากมายอยู่  ณ  ที่แห่งนี้











ลานดวงตาสวรรค์ 11  เป็นลานสำหรับทำพิธีเปิดดวงตาสวรรค์ในครั้งนี้[/color]





ลานดวงตาสวรรค์ 11  สำหรับทำพิธีเปิดดวงตาสวรรค์ 
อาจารย์จักษวัชร์  เป็น 1 ใน 8 ท่าน  เข้าร่วมนั่งเป็นปฐมฤกษ์
พิธีเปิดลานดวงตาสวรรค์ที่ 11

หลังจากเยี่ยมชมศิลปะปูนปั้นและพิพิธภัณฑ์รูปเหมือนพระอริยะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  พวกเราก็เดินไปที่ลานดวงตาสวรรค์ที่ 11 ซึ่งพระอาจารย์ใหญ่ได้เดินทางไปรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว  ลานดวงตาสวนรรค์ที่ 11 เป็นลานรูปวงกลม กว้างกว่าทุกๆลาน  ตรงกลางตั้งรูปเหมือนหลวงปู่เทพโลกอุดร  โดยรอบมีลานนั่งอีก 8 ลาน  เมื่อเราเดินทางไปถึงผู้เข้าร่วมพิธีได้เข้าไปนั่งในลานกันหมดแล้ว  ยกเว้นลานที่ตรงกับป้ายดวงตาสวรรค์ที่ 11  ไม่มีคนไปนั่ง  พระอาจารย์ใหญ่จึงบอกให้พวกเราไปนั่ง  ผมได้รับมอบหมายให้ไปนั่งที่ลานดังกล่าว  เมื่อเริ่มพิธี  พระอาจารย์ใหญ่ให้ผู้ที่นั่งโดยรอบทั้ง 8 ท่าน กำหนดจิตให้เป็นสมาธิ และให้สวดบทอิติปิโสไปเรื่อยๆ จนกระทั่งพระอาจารย์ใหญ่บอกให้พอจึงถอนออกจากสมาธิ  หลังจากนั้นก็ให้ผู้เข้าร่วมพิธีเข้ามานั่งอีกเป็นรอบที่ 2 อีก 8 ท่าน  ซึ่งพี่เม้าท์ก็เป็นตัวแทนกลุ่มเข้าไปนั่งจนหมดเวลา ก็แยกย้ายกันเดินออกนอกลานดวงตาสวรรค์.....







พิธิเปิดลานดวงตาสวรรค์ที่ 11 (ต่อ)











พระอาจารย์ใหญ่ทำพิธีที่ลานดวงตาสวรรค์ 11

















อาจารย์เม้าท์  เข้าร่วมนั่งในพิธีเปิดลานดวงตาสวรรค์ ในรอบที่ 2
ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายก่อนเสร็จพิธี
 

MOUNTAIN

  • ฝ่ายประสานงานเพื่อการเตือนภัย
  • ระบบสมบูรณ์
  • ********
  • อนุโมทนาจากสมาชิก 658
  • กระทู้: 1940
  • จะสงบท่ามกลางความวุ่นวายได้ก็ต่อเมื่อเข้าใจขันธ์๕

ประสบการณ์ การนั่งสมาธิบริเวณลานดวงตาสวรรค์ที่ 11

พอนั่งเข้าที่ เริ่มหลับตา ปรากฏเห็นเป็นแสงสีแดงจัด บริเวณหนังตาที่หลับอยู่
จากสีแดงอ่อน แล้วค่อยๆเข้มขึ้นๆ
เพียงไม่นานแสงสีแดงจัด ก็หายไป
เห็นแต่แสงอ่อนๆ มาปรากฏแทน
จิตเริ่มสงบสู่สมาธิ ได้อย่างรวดเร็ว
ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงพระอาจารย์ใหญ่ สวดมนต์ ดังเข้าหู

พอเสียงเข้ากระทบหู ก็เกิดภาพที่น่าตื่นเต้น และแปลกประหลาด
ซึ่งไม่ใช่จินตนาการอย่างเด็ดขาด  ภาพนั้นคือ

ร่างดำใหญ่มาก(น่าจะเป็นพระราหู) อ้าปากอมโลก และปล่อย
ประมาณ ๓ - ๔ ครั้ง กำหนดรู้ในความหมาย เพื่อการชำระล้างโลก

จากนั้น ลูกโลก ก็เกิดมีวงแหวนเหมือนดาวเสาร์ หลายวง(มากกว่าสิบวง)
ล้อมรอบลูกโลก กำหนดรู้ในความหมาย คือการปกป้องโลก

 















...














...
เสร็จพิธีเปิดลานดวงตาสวรรค์ที่ 11  ณ วัดแจ้งเมืองเก่า ประจันตคาม ปราจีนบุรี



...
ไปเยี่ยมพระอาจารย์ใหญ่ที่โรงพยาบาลกบินทร์บุรี 
ซึ่งเป็นห้องพิเศษ....หมายเลข 11












...
คณะกลุ่มประสานงานฯ จำนวน 11 คน....  เข้าเยี่ยมพระอาจารย์ใหญ่ ณ ห้องพิเศษหมายเลข 11















เปิดรักษาโรค สแกนกรรม...เป็นการเฉพาะกิจ  ภายในโรงพยาบาลกบินทร์บุรี












...
คุณหมอ  เจ้าของไข้ของพระอาจารย์ใหญ่  ท่านได้สนทนากับคณะฯ อย่างเป็นกันเอง  ได้ออกมาส่งคณะฯ หลังจากกราบลาพระอาจารย์ใหญ่เดินทางกลับ






ในวันนี้ คุณหมอท่านจะไปปล่อยปลาไหล พร้อมกับเพื่อนของท่านด้วย  จึงได้เชิญคณะฯ  ไปร่วมปล่อยปลาไหลด้วยกัน 










...
คุณหมอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเย็นแก่คณะฯ  และร่วมสนทนาอย่างเป็นกันเอง.












...




เทพบุตรชาวดิน

  • ผู้ดูแลเว็บไซด์
  • กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย
  • ระบบสมบูรณ์
  • ********
  • อนุโมทนาจากสมาชิก 1631
  • กระทู้: 1826
      วันที่ 01-11-10
    กลุ่มประสานงานฯ
    เข้าร่วมงานอัญเชิญ องค์อัมรินทร์ ท้าวสักกะเทวราช ท้าวเวสุวรรณ์ ณ วัดแจ้งเมืองเก่า
    อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี

    อาจารย์นิธิกานต์  ทองเจือ
    อาจารย์สุดใจ
    อาจารย์หนุ่ย(เทพบุตรชาวดิน)








    ก่อนหน้าวันงานพิธี พระอาจารย์ใหญ่ท่านอาพาธ ถึงขนาดที่คุณหมอประจำตัวท่านต้องขึ้นไปรักษาถึงบนห้องชั้นสอง



    แต่พอถึงวันพิธีท่านกลับสดชื่นแข็งแรงขึ้นมาทันใด จนคุณหมอท่านถึงกับเอ่ยปากว่าน่าแปลกมาก


    พระอาจารย์ใหญ่ ท่านเมตตากำหนดฤกษ์ ในการวางศิลาฤกษ์ศาลา ที่จะประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุให้คุณแม่แดง








    พระอาจารย์ใหญ่ ท่านเมตตากำหนดฤกษ์ ในการวางศิลาฤกษ์ศาลา ที่จะประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุให้คุณแม่แดง







    หินหยกขาว หนัก 11กิโลกรัม
    ที่นำมาสลักเป็นรูป หลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร


    พลอยดิบที่นำมาใช้ในพิธีอัญเชิญ


    ทำพิธีอัญเิชิญ ท้าวสักกะเทวราช และท้าวเวสุวรรณ์ ซึ่งประดิษฐาน ณ ด้านหน้าของวัด
























    ทั้่งองค์รูปปั้นและสถานที่บริเวณที่ประดิษฐาน นั้นยังทำไม่เสร็จดี แต่เนื่องจากหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร ท่านมานิมิตรบอกพระอาจารย์ใหญ่ให้รีบจัดพิธีอัญเชิญโดยเร็วและให้เสร็จภายในวันที่ 1/11/10































































    อ.สุดใจมอบซีดีเขากะลาให้กับ พระปลัดธนันท์ชัย ญาณาธิโร ซึ่งท่านป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบและโรคเลือดแข็งตัว
    และทางกลุ่มฯได้ทำการรักษาให้ ซึ่งท่านสามารถสัมผัสถึงพลังงานที่ส่งมาจากข้างบนได้อย่างชัดเจน





    กราบลาพระอาจารย์ใหญ่  เพื่อเดินทางกลับ




    .....................

    วัตถุแปลก  ๆ ปรากฏขึ้นขณะทำพิธี


    ข้อมูลเพิ่มเติม ติดตามได้จาก
    .........



    เทพบุตรชาวดิน

    • ผู้ดูแลเว็บไซด์
    • กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย
    • ระบบสมบูรณ์
    • ********
    • อนุโมทนาจากสมาชิก 1631
    • กระทู้: 1826

    กลุ่มประสานงานฯ เิดินทางไปประสานงานกับพระอาจารย์ใหญ่ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2554  จังหวัดปราจีนบุรี


    กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)
    จำนวน 5 ท่าน นำโดย

    อาจารย์สุดใจ
    อาจารย์โต(ukrin)
    เทพบุตรชาวดิน
    อาจารย์โต้(TOTO)
    อาจาย์ปุ๊(Hammurabi99)

































































































































































    เดินทางไปกราบพระอาจารย์ใหญ่
    ที่โรงพยาบาลกบินทร์บุรี










    พระอาจารย์ใหญ่   ท่านอาพาธเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกบินทร์บุรี
    ท่านเมตตาให้สมาชิกกลุ่มประสานงานฯ เข้าเยี่ยมอาการท่านได้
    พระอาจารย์ใหญ่ท่านได้สอบถามความคืบหน้า
    ในเรื่องราวของกลุ่มประสานงานฯ
    และเมตตาปรับคลื่นพลังงานให้กับสมาชิกใหม่ 2 ท่าน
    คืออาจารย์TOTO  และ อาจารย์ปุ๊ (hammuribi99)

    จากนั้นก็ได้กราบลาพระอาจารย์ใหญ่เพื่อเดินทางกลับ
    .................
    ข้อมูลเพิ่มเติม
    ....................

    2 ความคิดเห็น:

    1. ขอกราบนมัสการองค์หลวงปู่ที่เคารพอย่างสูงยิ่ง.. ( หลวงปู้สุธน )

      และ ขอเจริญพร ฯ สมาชิก ที่รักทุกรูป ทุกนาม แม้เราจะไม่เคยพบกันเป็นการส่วนตัวเลยสักครั้งก็ตามที....

      แต่อาตมาก็รู้สึกและรับทราบได้ด้วยอุดมการที่ท่านทั้งหลาย กระทำอยู่นี้ ...
      ย่อมเป็น สิ่งที่แสดงออกได้เสียซึ่งความมีจิตเมตตาธรรม หวังอนุเคราะห์แก่ โลกและ ธรรม

      เพื่อหวังความสงบสุขให้บังเกิดมี แก่ ชาติ ศานา พระมหากษัตริย์ และ ปวงเราชาวชาติไทยทั้งหลาย อย่างแน่แท้

      ด้วยเมตตาจิตปราถนา ให้มีความสุขสงบร้มเย็น เกิดสันติสุข สันติภาพ และ สันติธรรม ในโลกใบนี้

      ( เช่นนี้ จึงชื่อว่า เราเป้นญาติธรรมกันแล้วโดยธรรม ฯ ..)

      ขอทุกท่านจงมีความสุข ความร้มเย็น ความสมปราถนา ในสิ่งอันพึ่งประสงค์ โอยธรรมจงทุกท่าน ทุกประการเถิด..

      เจริญพร ฯ

      ( ส.สิรินันโท )

      ตอบลบ